ผลนิติเวชชี้ หญิงวัย 72 เสียชีวิตขณะร้อยไหม ตับแตก-ซี่โครงหัก

ผลนิติเวชชี้ หญิงวัย 72 เสียชีวิตขณะร้อยไหม พบตับแตก-ซี่โครงหัก รอตรวจสอบผลแล็บสารเคมีในร่างกายประมาณ 15 วัน ด้านกรมสนับสนุนบริการสุขภาพสั่งสอบแล้ว

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2561 ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครอบครัว นางณัฐมณ อายุ 72 ปี ที่เสียชีวิต ขณะไปทำศัลยกรรมร้อยไหมใบหน้า ที่คลินิกศัลยกรรมแห่งหนึ่ง ภายในซอยทาวน์อินทาวน์ 6 เขตวังทองหลาง เข้าติดต่อขอรับศพที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ

โดยทางครอบครัวปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์หรือให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน บอกสั้น ๆ แต่เพียงว่าวันนี้ติดต่อเพื่อรับร่างไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดปรก ย่านยานนาวา ส่วนเรื่องการดำเนินคดีกับเจ้าของคลินิก ขอให้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ในการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ซึ่งทางญาติไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต

นอกจากนี้มีรายงานว่า ผลการชันสูตรของทางสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เบื้องต้นระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า เกิดจากอาการตับแตกและพบว่ามีซี่โครงหัก ส่วนผลตรวจสารเคมีอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้เสียชีวิตในร่างกายนั้น ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์จากห้องแล็บปฏิบัติการประมาณ 15 วัน

ล่าสุด สปริงนิวส์ รายงานว่า นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะและกองกฎหมาย ตรวจสอบคลินิกดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นพบว่า ไม่ได้ขออนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลจากกรม สบส. เข้าข่ายระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนแพทย์ผู้ให้บริการนั้นจะส่งเรื่องให้แพทยสภาดำเนินการ พร้อมเน้นย้ำให้ประชาชนพิจารณาอย่างรอบด้าน โดยจะต้องรับบริการจากสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น

ด้าน พล.ต.ต. ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เผยว่า ได้เรียกแพทย์เจ้าของคลินิกมารับทราบข้อกล่าวหา ในฐานความผิดเปิดสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว ส่วนข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต ต้องมีการสอบสวนถึงรายละเอียดในเหตุการณ์ รวมถึงสอบถามรายละเอียดทางการแพทย์ของแพทยสภา และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขต่อไป

ภาพจาก springnews

จากการสอบสวนแพทย์เจ้าของคลินิก เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตเข้ารับการรักษาตั้งแต่เวลา 16.00 น. โดยมีการแปะยาชาเพื่อทดสอบอาการแพ้ตามขั้นตอน เมื่อพบว่าไม่มีอาการแพ้จึงลงมือฉีดยาชา เข็มละ 0.5 ซี.ซี. จำนวน 24 ครั้ง จนถึงเวลา 19.00 น. คนไข้ก็เกิดอาการผิดปกติ ชีพจรต่ำ แพทย์จึงได้กระตุ้นหัวใจและปฐมพยาบาลเพื่อช่วยเหลือ และพยายามติดต่อทีมแพทย์จากโรงพยาบาลใกล้เคียง แต่คนไข้เสียชีวิตระหว่างทาง

ทั้งนี้ทราบว่า ผู้เสียชีวิตเคยทำการรักษาในคลินิกสาขาแรกของแพทย์รายนี้ที่เปิดถูกต้องอยู่แล้ว และมีความสนิทสนมกัน เบื้องต้นได้สอบถามไปยังเขตวังทองหลาง กรณีก่อนหน้าว่ามีประชาชนร้องเรียนว่าคลินิกแห่งนี้มีการปรับปรุงโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ ซึ่งทางเขตวังทองหลางยืนยันว่าไม่เคยมีผู้มาร้องเรียน แต่จากนี้ทางเขตจะเข้าตรวจสอบ พร้อมติดตามร้องทุกข์กล่าวโทษต่อไป

ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก