แพทย์เผยภาวะแพ้ยาชา เกิดขึ้นได้หากฉีดเกิน 10 ซี.ซี. พบทำหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชี้ต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ยิ่งสูงวัยยิ่งเสี่ยง
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ทั้งนี้แนะนำว่า แม้การเสริมความงามจะไม่ได้จำกัดอายุ แต่ผู้สูงวัยก็ไม่ควรทำอะไรที่สุ่มเสี่ยง เพราะอาจจะกระทบระบบการทำงานของร่างกายที่ลดลงตามอายุ ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำอะไร ควรจะสอบถามรายละเอียดจากแพทย์โดยตรง เพื่อความชัดเจนว่าทำแล้วจะเกิดภาวะเสี่ยงอะไรตามมาบ้าง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากเหตุที่หญิงวัย 72 ปี เข้าคลินิกเปิดใหม่ในซอยทาวน์อินทาวน์ 6 เพื่อร้อยไหมบนใบหน้า แต่เกิดอาการแพ้ยาชาจนเสียชีวิตนั้น (อ่านข่าว : หญิงวัย 72 ร้อยไหมดึงหน้า เกิดแพ้ยาช็อกดับคาคลินิก ย่านทาวน์อินทาวน์)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 12 ตุลาคม 2561 เดลินิวส์ออนไลน์ ได้สอบถาม พญ.ณัฐชญา ไมตรีเวช ผู้บริหารณัฐชญา คลินิก ให้ความรู้ว่า อาการแพ้ยาชาเกิดได้ไม่บ่อยนัก โดยทั่วไปแล้วการทำทุกหัตถการด้านการแพทย์ ผ่าตัด หรือแม้แต่การร้อยไหม แพทย์อาจจะเลือกใช้ยาชาที่มีความเข้มข้น 2 ขนาด คือ 1% และ 2% หากใช้ความเข้มข้น 2% ก็จะต้องใช้ยาในปริมาณที่น้อยลง และหากใช้เกิน 10 ซี.ซี. ความเข้มจะไปทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะและเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ส่วนการออกฤทธิ์หลังฉีดในระดับปกติ ยาชาจะทำงานภายใน 5-10 นาที ซึ่งจะไประงับความรู้สึก และอยู่ได้นาน 1-2 ชั่วโมง
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
สำหรับการฉีดยาชา จะต้องฉีดเข้าที่เนื้อเยื่อโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำให้เส้นประสาทบริเวณนั้นหยุดทำงาน ขณะฉีดจะต้องดึงไซริงค์กลับ เพื่อสังเกตว่ามีเลือดปนกลับเข้ามาในหยอดยาชาหรือไม่ ซึ่งหากใช้เกินขนาดและโชคร้ายบังเอิญถูกฉีดเข้าที่เส้นเลือด ก็จะมีผลต่อระบบประสาท เกิดอาการตากระตุก มึนงง ตาลาย เห็นภาพซ้อน เสี่ยงอันตราย
ทั้งนี้แนะนำว่า แม้การเสริมความงามจะไม่ได้จำกัดอายุ แต่ผู้สูงวัยก็ไม่ควรทำอะไรที่สุ่มเสี่ยง เพราะอาจจะกระทบระบบการทำงานของร่างกายที่ลดลงตามอายุ ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำอะไร ควรจะสอบถามรายละเอียดจากแพทย์โดยตรง เพื่อความชัดเจนว่าทำแล้วจะเกิดภาวะเสี่ยงอะไรตามมาบ้าง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก