ด.ช. วัย 13 รับจ้างคาร์แคร์ ถูกไฟดูดเป็นเจ้าชายนิทรา เจ้าของร้านเสนอ 1 หมื่น จบเรื่อง

          แม่ร้องมูลนิธิปวีณาฯ ลูกชายวัย 13 หาเงินช่วงปิดเทอม ทำงานร้านคาร์แคร์ แต่ถูกไฟดูด นอนเป็นเจ้าชายนิทรามากว่า 5 เดือน คดีไม่คืบ แถมเจ้าของร้านปัดความรับผิดชอบ

          โดย น.ส.ขวัญใจ คำตั้งหน้า แม่ของน้องเผือก เล่าว่า เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2561 ลูกชายถูกไฟช็อต เนื่องจากใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดล้างพื้นจนตัวเปียก ซึ่งสายไฟเครื่องฉีดน้ำมีรอยฉีกขาดจนเห็นสายทองแดง จึงโดนไฟช็อต เพื่อนคนงานพากันตกใจ รีบวิ่งไปสับคัตเอาท์ แต่ลูกชายตนหมดสติ ไม่หายใจไปแล้ว จากนั้นมีพลเมืองนำตัวส่งโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี แพทย์ช่วยปั๊มหัวใจจนมีสัญญาณชีพขึ้นมา แล้วส่งต่อไปยังโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา แพทย์บอกว่าลูกชายตนขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมองราว 20 นาที ทำให้เป็นเจ้าชายนิทรา
          ทั้งนี้ ครอบครัวได้เข้าแจ้งความที่ สภ.โพธิ์กลาง แต่ผ่านมากว่า 5 เดือนแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้า จึงร้องให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือ ส่วนเจ้าของคาร์แคร์เคยมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล 2 ครั้ง ครั้งแรกให้เงิน 2 พันบาท ครั้งที่ 2 ให้อีก 1 พันบาท จากนั้นพ่อแม่เจ้าของร้านก็ติดต่อจะให้เงินช่วยเหลือ 1 หมื่นบาท แต่ต้องเซ็นยินยอมจบเรื่องและถอนแจ้งความ ตนคิดว่าไม่เป็นธรรมจึงไม่ได้รับเงิน เขาจึงบอกว่าถ้าอยากได้มากกว่านี้ ก็ไปฟ้องร้องเอาเอง ลูกชายตนเป็นคนขยัน กตัญญูพ่อแม่ รับจ้างหาเงินช่วยเหลือตัวเองและครอบครัวมาตลอด ไม่น่าต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้

          ด้านนางชมมณี ศรีไชยรัตน์ นิติกรสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.นครราชสีมา เผยว่า จากการตรวจสอบคาร์แคร์ดังกล่าวมีความผิดตามหลายมาตรา ทั้งการใช้แรงงานเด็ก ความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมการทำงาน การฝ่าฝืนใช้อุปกรณ์ชำรุดในการทำงาน การให้ค่าจ้างต่ำกว่าแรงงานขั้นต่ำ ซึ่งพบว่าจ่ายค่าแรงเพียงวันละ 200-260 บาท
          โดยเจ้าของคาร์แคร์ที่เกิดเหตุ ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นนายจ้าง-ลูกจ้าง อ้างว่าเด็กมาคลุกคลีที่ร้านเอง แต่เจ้าหน้าที่ทราบมาว่า เด็กที่เสียหายทำงานที่คาร์แคร์มา 2 ปีแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเร่งรวบรวมข้อมูล เพื่อเอาผิดกับนายจ้างต่อไป

          ขณะที่ พ.ต.อ. อรุษ คำตุ้ย ผกก.สภ.โพธิ์กลาง ระบุว่า ทางตำรวจจะเร่งรัดคดีนี้ และช่วยประสานงานหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เด็กผู้เสียหายได้รับสิทธิที่ควรจะได้โดยเร็ว