ร.ต.อ. เดชา เปรียบสม เจอ 3 ข้อหาหนัก หลังซิ่งกระบะชนรถพยาบาล ทำพยาบาลสาววัย 25 เสียชีวิต - 1 ใน 3 คือข้อหาเมาแล้วขับ ตำรวจเผยไม่รอผลตรวจร่างกาย เหตุมีพิรุธไม่ให้ตรวจวัดในวันเกิดเหตุ
ภาพจาก สปริงนิวส์
ความคืบหน้าคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร.ต.อ. ขับรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เสียหลักข้ามเลนพุ่งชนกับรถพยาบาลของโรงพยาบาลประโคนชัย ขณะลำเลียงหญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอดส่งโรงพยาบาล เป็นเหตุให้ นางสาวสุดารัตน์ เชื่อมาก หรือ ดา อายุ 25 ปี พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน (รพ.สต.) บ้านเขาคอก เสียชีวิต ส่วนหญิงใกล้คลอดอาการปลอดภัย และคนอื่น ๆ ที่นั่งมากับรถพยาบาลได้รับบาดเจ็บ 5 ราย ขณะที่ ร.ต.อ. ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : ร.ต.อ. ซิ่งกระบะข้ามเลนชนรถพยาบาล ขณะลำเลียงคนไข้ พยาบาลสาวในรถดับ 1)
ภาพจาก มูลนิธิ กู้ภัย ร่มไทร
เกี่ยวกับเรื่องนี้ (16 ตุลาคม 2561) มีรายงานว่า พ.ต.ท. สุทิน หวังกลับ รักษาราชการแทนผู้กำกับการ สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ได้มีการดำเนินการแจ้งข้อหา ร.ต.อ. เดชา เปรียบสม รองสารวัตรปราบปราม สภ.ประโคนชัย ผู้ต้องหาขับรถกระบะพุ่งชนรถพยาบาล เป็นที่เรียบร้อยแล้วใน 3 ข้อหา หลังเจ้าตัวอาการบาดเจ็บดีขึ้น คือ ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และทำให้ทรัพย์สินเสียหาย, ขับรถโดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และขับรถขณะมึนเมาสุรา
พ.ต.ท. สุทิน เผยว่า การแจ้งข้อหาเมาแล้วขับต่อ ร.ต.อ. เดชา นั้น แม้ผลการตรวจร่างกายจะยังไม่ออก เนื่องจาก ร.ต.อ. เดชา มีการปฏิเสธให้ตรวจวัดแต่แรกในวันเกิดเหตุ จึงเป็นผลให้สามารถดำเนินการได้ทันที
ภาพจาก สปริงนิวส์
ขณะที่ นายเจีย เชื่อมาก พ่อของนางสาวสุดารัตน์ เชื่อมาก หรือ ดา อายุ 25 ปี พยาบาลผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองยังทำใจไม่ได้ที่เสียลูกสาวคนสุดท้องไป เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกะทันหัน ซึ่งลูกสาวคนนี้เพิ่งเรียนจบจากวิทยาลัยพยาบาลที่ จ.สุรินทร์ เมื่อปีที่แล้ว และเพิ่งเข้าทำงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน (รพ.สต.) บ้านเขาคอก ได้เพียง 1 ปีเท่านั้น และหลังเกิดเรื่องครอบครัวยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางคู่กรณีแต่อย่างใด
ภาพจาก สปริงนิวส์
ทั้งนี้ นางสาวนฤมล โพธิ์ศาลา พี่สาวของนางสาวสุดารัตน์ เปิดเผยว่า ตนเองสนิทกับน้องสาวคนนี้ ปกติจะคุยโทรศัพท์หรือไม่ก็ไลน์คุยกันตลอด และก่อนเกิดเหตุก็ยังคุยไลน์กัน ซึ่งก็ไม่ได้มีลางบอกเหตุอะไร มารู้ข่าวอีกทีน้องก็เสียชีวิตแล้ว ตนอยากให้คู่กรณีออกมาแสดงตัวเพื่อรับผิดชอบ เพราะรู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม กลัวเรื่องจะเงียบหายไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
,
ภาพจาก สปริงนิวส์
ความคืบหน้าคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร.ต.อ. ขับรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เสียหลักข้ามเลนพุ่งชนกับรถพยาบาลของโรงพยาบาลประโคนชัย ขณะลำเลียงหญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอดส่งโรงพยาบาล เป็นเหตุให้ นางสาวสุดารัตน์ เชื่อมาก หรือ ดา อายุ 25 ปี พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน (รพ.สต.) บ้านเขาคอก เสียชีวิต ส่วนหญิงใกล้คลอดอาการปลอดภัย และคนอื่น ๆ ที่นั่งมากับรถพยาบาลได้รับบาดเจ็บ 5 ราย ขณะที่ ร.ต.อ. ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : ร.ต.อ. ซิ่งกระบะข้ามเลนชนรถพยาบาล ขณะลำเลียงคนไข้ พยาบาลสาวในรถดับ 1)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ (16 ตุลาคม 2561) มีรายงานว่า พ.ต.ท. สุทิน หวังกลับ รักษาราชการแทนผู้กำกับการ สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ได้มีการดำเนินการแจ้งข้อหา ร.ต.อ. เดชา เปรียบสม รองสารวัตรปราบปราม สภ.ประโคนชัย ผู้ต้องหาขับรถกระบะพุ่งชนรถพยาบาล เป็นที่เรียบร้อยแล้วใน 3 ข้อหา หลังเจ้าตัวอาการบาดเจ็บดีขึ้น คือ ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และทำให้ทรัพย์สินเสียหาย, ขับรถโดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และขับรถขณะมึนเมาสุรา
พ.ต.ท. สุทิน เผยว่า การแจ้งข้อหาเมาแล้วขับต่อ ร.ต.อ. เดชา นั้น แม้ผลการตรวจร่างกายจะยังไม่ออก เนื่องจาก ร.ต.อ. เดชา มีการปฏิเสธให้ตรวจวัดแต่แรกในวันเกิดเหตุ จึงเป็นผลให้สามารถดำเนินการได้ทันที
ภาพจาก สปริงนิวส์
ขณะที่ นายเจีย เชื่อมาก พ่อของนางสาวสุดารัตน์ เชื่อมาก หรือ ดา อายุ 25 ปี พยาบาลผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองยังทำใจไม่ได้ที่เสียลูกสาวคนสุดท้องไป เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกะทันหัน ซึ่งลูกสาวคนนี้เพิ่งเรียนจบจากวิทยาลัยพยาบาลที่ จ.สุรินทร์ เมื่อปีที่แล้ว และเพิ่งเข้าทำงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน (รพ.สต.) บ้านเขาคอก ได้เพียง 1 ปีเท่านั้น และหลังเกิดเรื่องครอบครัวยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางคู่กรณีแต่อย่างใด
ภาพจาก สปริงนิวส์
ทั้งนี้ นางสาวนฤมล โพธิ์ศาลา พี่สาวของนางสาวสุดารัตน์ เปิดเผยว่า ตนเองสนิทกับน้องสาวคนนี้ ปกติจะคุยโทรศัพท์หรือไม่ก็ไลน์คุยกันตลอด และก่อนเกิดเหตุก็ยังคุยไลน์กัน ซึ่งก็ไม่ได้มีลางบอกเหตุอะไร มารู้ข่าวอีกทีน้องก็เสียชีวิตแล้ว ตนอยากให้คู่กรณีออกมาแสดงตัวเพื่อรับผิดชอบ เพราะรู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม กลัวเรื่องจะเงียบหายไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
,