ฟังเต็ม ๆ แรปเปอร์เจ้าของเพลง #ประเทศกูมี เปิดหน้าเปิดใจ ต้องการอะไรจากสังคม !

        เปิดใจ 2 แรปเปอร์เจ้าของเพลง ประเทศกูมี ยอมรับมีกลัวหลังภาครัฐสนใจจนเป็นกระแสสังคม เผยจุดประสงค์หลักคือเพื่อต้องการให้ประเทศดีขึ้น พร้อมยืนยันว่าเนื้อร้องที่แต่งไม่มีตรงไหนเท็จ

        ทั้งนี้ ตนเองได้ไตร่ตรองดูแล้ว และยืนยันว่าเนื้อหาเพลงยังไม่มีส่วนไหนที่เป็นเท็จตามที่เจ้าหน้าที่รัฐกล่าวอ้าง ซึ่งเนื้อหาในเพลงพวกตนพยายามตั้งคำถามและวิพากษ์ในเรื่องนั้น ๆ และแต่ละท่อนก็เป็นท่อนจากความเห็นส่วนบุคคลของแรปเปอร์แต่ละคนที่ถ่ายทอดออกมาตามความรู้สึกส่วนตัว ไม่ได้มีการแบ่งกันหรือเตรียมกันว่าใครต้องพูดเนื้อหาช่วงไหน พวกตนไม่ได้บอกว่าเนื้อหาช่วงไหนผิดหรือถูก แต่เป็นการนำเสนอมุมมองของแต่ละคน และคนฟังจะเป็นคนตัดสินใจเอง ยืนยันเพลงตนแต่งขึ้นมาเพื่อสะท้อน และนี่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สังคมเกิดความตื่นตัวจากเพลงเพลงเดียว หลายคนออกมาถกเถียงกัน ทั้งในแง่เรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ หรือเรื่องที่ยังสรุปไม่ได้ เพื่อนำไปสู่การแลกเปลี่ยนและแก้ปัญหาร่วมกัน ไม่ว่าจะผู้มีอำนาจระดับสูงในสังคม หรือแค่ตามสื่อออนไลน์

        สำหรับท่องเนื้อร้องว่า "ประเทศเ-ีย" นั้น ถ้าคนที่ฟังเพลงแรปหรือเพลงใต้ดินก็จะคุ้นเคยกับประโยคเหล่านี้อยู่แล้ว ซึ่งมันคือน้ำหนักของภาษาและทำให้ความหมายของคำชัดเจน ในเพลงแรปจะมีการแต่งเพลงที่มีตัว E กำกับ หากใช้คำว่า "ประเทศแย่" มันอาจจะไม่มีน้ำหนักมากพอให้สังคมที่ฟังได้ตื่นตัว ซึ่งไม่ใช่ว่าพวกตนไม่ได้อยากอยู่ในประเทศนี้ ไม่ใช่ว่าไม่รักชาติ พวกตนอยู่กันมาทั้งชีวิต ทุกคนอยากให้ประเทศดีขึ้น และอยากให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างจริง ๆ ไม่มีใครอยากเห็นประเทศไทยแย่ลง

       นายพัทธดนย์ กล่าวยืนยันว่า เพลงประเทศกูมี จุดประสงค์หลักคือแต่งขึ้นเพื่อต้องการให้มีการถกเถียงและนำไปสู่การแก้ไข ทุกคนต้องช่วยกัน เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวเลย ทุกคนมีส่วนร่วมได้ ตนเองยืนยันว่าไม่ได้แต่งเนื้อหาที่บิดเบือนตามที่ท่านศรีวราห์มอง ท่านเองก็ยังบอกว่า 50:50 ไม่มีการฟันธงว่าตรงไหนเท็จ หรือจริง ซึ่งก็เข้าใจว่าข้อมูลของการรับสารแต่ละคนก็ย่อมแตกต่างกัน พวกเราก็แค่โยนสารหรือข้อความนั้นลงไปในเพลงเท่านั้น

       สำหรับจุดยืนของพวกตนนั้น ก็ตามชื่อวงเลย คือ RAP AGAINST DICTATORSHIP เราแรปเพื่อต่อต้านทั้งระบอบเผด็จการทหาร รวมถึงการต่อต้านอำนาจที่เบ็ดเสร็จ อำนาจที่ประชาชนไม่มีโอกาสที่จะมีส่วนร่วมหรือมีโอกาสน้อยมากในการแสดงความคิดเห็น

       อย่างไรก็ตาม เมื่อเพลงตกเป็นกระแสที่สังคมให้ความสนใจ ทั้งที่ตอนแรกไม่ได้คาดหวังขนาดนี้ ก็ยอมรับว่าตกใจมาก ก็ขอบใจที่รับฟังที่ชื่นชมและติ ซึ่งนั้นก็ถือว่าตรงตามประสงค์ที่ต้องการให้ผู้ฟังฟังจนแตกฉากและทราบว่าเพลงต้องการสื่อประเด็นอะไรออกไป เพราะการฟังแล้วแสดงความคิดเห็น มีการถกเถียง เชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สังคมกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

       นายพัทธดนย์ ทิ้งท้ายว่า เพลงประเทศกูมี กลุ่มพวกตนยืนยันว่ายังอยู่ในขอบเขตของกฎหมายแน่นอน แต่หากทางเจ้าหน้าที่ภาครัฐมองว่ามีส่วนตรงไหนผิดกฎหมาย พวกตนก็ยินดีที่จะเข้าไปชี้แจง พวกตนทำในสิ่งที่พวกตนถนัด แต่หากมองว่ารุนแรงไปก็ขอให้พูดคุยกัน พวกตนก็ยอมรับว่าหลังตกเป็นกระแสก็มีความกลัวเกิดขึ้น เพราะพวกตนเป็นเพียงประชาชนตัวเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ที่แสดงออกในสิ่งที่คิด หากผิดก็ยอมรับ เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก