สาว 17 เหยื่อพ่อข่มขืนลูก ป้องอาฮุบเงินบริจาคกว่าล้าน ยันต้องการซื้อรถเอง

เด็กสาววัย 17 เหยื่อพ่อแท้ ๆ ข่มขืน เผยรถคันใหม่ที่ซื้อเพราะความประสงค์ตัวเอง ด้านอายืนยันไม่คิดจะเอาเงินหลาน ชี้หลานสั่งให้ย้ายเงินเข้าบัญชีตัวเอง - ซื้อรถใหม่เพราะคันเก่าเสีย

ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว

ความคืบหน้ากรณีเด็กสาว อายุ 17 ปี ชาว อ.กุดบาก จ.สกลนคร ถูกพ่อแท้ ๆ ข่มขืนตั้งแต่อายุ 12 ปี ก่อนทนไม่ไหวเดินเท้าหลายสิบกิโลเมตร มาขอความช่วยเหลือจากอา จนได้รับการช่วยเหลือจากพลเมืองดี ทว่าตกเป็นกระแสวิจารณ์เกิดขึ้น เมื่อมีกระแสข่าวว่าผู้เป็นอานำเงินที่ได้รับบริจาคกว่า 1 ล้านบาท ไปซื้อรถ และโอนเงินที่เหลือเข้าบัญชีตัวเอง โดยทางอายืนยันว่าทำตามความประสงค์ของหลานทั้งหมด ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : คดีพ่อข่มขืนลูกสาววัย 17 อาชี้แจงข่าวถลุงเงินบริจาค ซื้อรถ-โอนเข้าบัญชีตัวเอง 7 แสน)

ล่าสุด (31 ตุลาคม 2561) รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ นางสาวติ๊ก (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ตนคือคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด วันที่พ่อแท้ ๆ มาตามลูกสาวกลับบ้านหลังหนีมาขอความช่วยเหลือจากอา มีการทำร้าย ทั้งตบ ทั้งเตะ และทำร้ายอาของเด็กสาวด้วยทั้งที่ตั้งท้องอยู่ จนวันที่มีพลเมืองดีคือ คุณชลิดา วัฒนะ หรือ อ้อ และคุณพัทธนันท์ ทาเงิน หรือ อ้อย รวมถึงหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ ตนก็รู้เห็นมาตลอด ซึ่งตนและชาวบ้านรู้เรื่องเงินบริจาคว่ามีการใช้จ่ายที่ผิดปกติ โดยอาของเด็กสาวเอาไปซื้อรถราคากว่า 5 แสนบาท แต่กลับไม่เอาไปซื้อบ้านให้หลานอยู่ตามจุดประสงค์ของผู้ที่ร่วมบริจาคมาให้

ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว

นางสาวติ๊ก เผยว่า อาของเด็กสาวอ้างว่ารถที่ใช้อยู่เสียแล้ว จึงต้องซื้อ และก็ซื้อเพราะความประสงค์ของหลาน แต่เท่าที่ตนเห็นคือรถคันเก่ายังใช้ได้ปกติอยู่ก่อนหน้านี้ ส่วนเรื่องเงินที่เหลือที่โอนเข้าบัญชีอานั้น เขาก็เป็นคนมาบอกตน แต่ไม่ได้บอกเหตุผล บอกแค่ว่าถ้าจะเอาคืนก็เอาไปให้หมด ทำให้ตอนนี้ตนเสียความรู้สึกกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ขณะที่ นางกุหลาบ อาของนางสาวเอ อายุ 17 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยยืนยันสาเหตุที่โอนเงินทั้งหมดเข้าบัญชีตัวเองว่า เป็นเพราะตอนเปิดรับบริจาคเป็นชื่อบัญชีร่วม 3 คน แต่บุคคลที่สามตนไม่รู้จัก ทำให้หลานสาวไม่สบายใจ จึงขอให้ตนโอนเงินทั้งหมดมาไว้ในบัญชีตนแทน ตอนแรกตนก็เกรงว่าถ้าทำแบบนี้แล้วจะถูกเข้าใจผิด จึงแนะว่าให้หลานเปิดบัญชีของตัวเอง แต่ตัวหลานยืนยันว่าไม่ต้อง ให้โอนเข้าบัญชีตน เพราะเห็นว่ามีอยู่แล้ว ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เคยคิดที่จะเอาเงินหลานเป็นของตัวเอง หลานอยากได้อะไรตนก็เป็นคนพาไปซื้อ อย่างรถคันที่ซื้อใหม่นั้น หลานสาวก็ต้องการ ขอให้ตนพาไปดู ก็ไปดูอยู่หลายร้านจึงตัดสินใจซื้อ เพราะเขาบอกว่าเวลาจะไปไหนจะได้ไม่ลำบาก ส่วนเรื่องสร้อยทองที่ตนใส่ คือซื้อมาจากเงินส่วนตัวของตน ไม่ใช่เงินหลานแน่นอน

ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว

ทั้งนี้ เงินที่โอนมาในบัญชีตนทั้งหมดนั้น ก็จะเก็บไว้ให้หลานสาว ตนไม่คิดที่จะเอามาเป็นของตัวเอง และสมุดบัญชีตนก็ให้หลานเป็นคนเก็บไว้เอง แต่หากวันนี้สังคมมองว่าตนจะเอาเงินหลาน ตนก็ยินดีที่จะพาหลานไปเปิดบัญชีแล้วโอนเงินคืนในชื่อหลานทั้งหมด

ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว

ด้าน น้องเอ (นามสมมติ) เปิดเผยยืนยันเช่นกันว่า ตนต้องการที่จะซื้อรถเอง เพราะจะได้ไม่ลำบากเวลาจะไปไหน หรือเวลาจะไปให้ปากคำอะไร ที่จะต้องอาศัยรถของพี่อ้อกับพี่อ้อย เพราะตนก็เกรงใจเขา ส่วนเรื่องบ้าน ตนก็มีดูอยู่ แต่บ้านพร้อมที่ดินราคาสูง จึงต้องค่อย ๆ ดูไป ยังตัดสินใจซื้อเลยไม่ได้ เวลาตนอยากได้อะไรก็จะขออาก่อน ยืนยันว่าไม่ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ของคนที่บริจาคมาให้แน่นอน เพราะตนวางแผนไว้แล้วว่าอย่างไรก็จะซื้อบ้าน และก็อาจจะทำงานหาเงินไปด้วย ทำให้เรื่องเรียนต้องพักไว้ก่อนเพราะกลัวเงินซื้อบ้านไม่พอ

อย่างไรก็ตาม ตนต้องขอขอบคุณพี่อ้อและพี่อ้อยมาก ๆ ที่เข้ามาช่วยเหลือตนตั้งแต่แรก แต่หลัง ๆ นี้ตนไม่ได้ติดต่อหรือติดตาม เพราะไม่มีมือถือ จึงไม่รู้ว่าพี่เขาพูดถึงตนอย่างไรบ้าง ซึ่งตนก็อยากจะซื้อมือถือไว้เหมือนกัน แต่ก็กลัวคนจะมองว่าใช้เงินผิดวัตถุประสงค์อีก

ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

สาว 17 เหยื่อพ่อข่มขืน ป้องอาฮุบเงินบริจาคกว่าล้าน ยันต้องการซื้อรถเอง