แม่สุดห่วง ลูกชายป่วยไบโพลาร์หายตัวออกจากบ้าน วอนขอเจ้าพ่อเขาใหญ่ปล่อยตัวลูก

          แม่วอนขอเจ้าพ่อเขาใหญ่ ปล่อยตัวลูกชายป่วยไบโพลาร์ หลังหายตัวออกจากบ้านมานานหลายวัน เบาะแสสุดท้ายพบอยู่ที่เขาใหญ่ ด้านเจ้าหน้าที่ยังเดินหน้าค้นหา เชื่อยังไม่ถูกสัตว์ป่าทำร้าย
          ทางทีมข่าวอมรินทร์ได้ลงพื้นที่เขาใหญ่วานนี้ (2 พฤศจิกายน) พบว่ามีใบประกาศคนหายติดอยู่บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเขาใหญ่ เป็นรูปของนายธนทัต โดย นายครรชิต ศรีนพวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เผยว่าทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งค้นหาตัวนายธนทัต รอบ ๆ ลานกางเต็นท์ลำตะคอง รวมถึงให้เจ้าหน้าที่โรยตัวลงจากผาเดียวดายเพื่อตรวจสอบว่านายธนทัตพลัดตกไปหรือไม่ แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยใด ๆ ทางเจ้าหน้าที่จึงขยายขอบเขตการค้นหาเข้าไปยังน้ำตกเหวนรก ซึ่งก็ยังไม่พบแต่อย่างใด

          ทั้งนี้กล้องวงจรปิดของอุทยานไม่สามารถจับภาพของนายธนทัตได้ เนื่องจากนายธนทัตอาศัยการโบกรถเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งกล้องไม่สามารถจับภาพคนที่นั่งด้านหลังได้ ทำให้ไม่รู้ว่านายธนทัตได้โบกรถใครออกไปนอกพื้นที่แล้วหรือไม่ อย่างไรก็ตามตนมั่นใจว่านายธนทัตยังมีชีวิตอยู่ เพราะภายในป่ามีสัตว์นักล่าที่อยู่สูงสุดของวงจรอาหารคือหมาใน ซึ่งธรรมชาติของหมาในจะไม่ทำร้ายมนุษย์ ทางอุทยานก็จะทำการค้นหาไปเรื่อย ๆ
          ด้าน นางปรารถนา วิสุทธิกุล อายุ 55 ปี แม่ของนายธนทัต เผยว่า ลูกชายของตนป่วยเป็นโรคไบโพลาร์มากว่า 3 ปีแล้ว ซึ่งทำให้ลูกมี 2 บุคลิก และมีอารมณ์ที่ต่างกันสุดขั้ว ที่ผ่านมาถ้าเกิดอาการหงุดหงิดก็จะหายออกจากบ้านไป แต่ก็ไม่เคยเกิน 3 วัน ลูกของตนเป็นคนชื่นชอบการผจญภัย และสนใจด้านไสยศาสตร์สิ่งลี้ลับ เขาเชื่อมั่นว่าตัวเองมีของดีและจะรอดพ้นจากอันตราย ซึ่งการเดินทางมาเขาใหญ่ก็เพราะต้องการมาผจญภัย และยังพกเงินติดตัวมาถึง 1 หมื่นบาท
          ทั้งนี้นางปรารถนายังปฏิเสธกระแสข่าวที่อ้างว่า นายธนทัตได้เขียนจดหมายลาตาย และจะขอเงิน 5 ล้านมาสู่ขอนักร้อง BNK48 มาเป็นแฟน โดยที่ผ่านมาลูกเคยบ่นว่าอยากได้เงิน 5 ล้านมาทำธุรกิจเท่านั้น ซึ่งตนก็ทำทีเป็นคล้อยตามไปซึ่งเป็นกระบวนการรักษาโรคไบโพลาร์ อีกทั้งลูกของตนก็เคยพูดว่าคงสู่ขอไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นดารา

          นับตั้งแต่ลูกชายหายตัวไป นางปรารถนาก็ได้มาเฝ้ารอลูกอยู่ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทุกวัน และสุดท้ายนางปรารถนายังกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "เรารู้ว่าเค้าต้องกลับมา และคนอื่นก็อาจจะช่วยเราได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าพ่อเขาใหญ่ ที่เราเคารพ ก็คงปล่อยน้อง ซึ่งถ้าน้องไม่ได้ไปอยู่ที่อื่น ยังไงเขาก็ต้องกลับบ้าน ไม่ใช่จะหายไปนานขนาดนี้ น้องจะต้องอยู่ที่นี่"

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก