ครอบครัวร้องตรวจสอบโรงพยาบาล พร้อมเรียกค่าเสียหาย 1 ล้าน เหตุหญิงตกเลือดเสียชีวิตหลังผ่าคลอด สงสัยทำไมหมอไม่ดูแล ทั้งที่ฝากท้องแบบพิเศษ ด้านโรงพยาบาลเผย ชดเชยให้ได้แค่ 2 แสน
เกี่ยวกับกรณีนี้ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่องอมรินทร์ ทีวี รายงานว่า น.ส.นภารัตน์ ผ่าคลอดเสร็จในเวลาประมาณ 13.00 น. ทารกเป็นเพศชาย น้ำหนัก 3.4 กิโลกรัม แข็งแรงสมบูรณ์ดี หลังจากนั้น น.ส.นภารัตน์ ถูกย้ายออกไปพักฟื้นที่ห้องพิเศษ ขณะนั้นยังไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น น.ส.นภารัตน์ สามารถให้นมลูกชายแรกคลอดได้ตามปกติ แต่ในเวลาต่อมา น.ส.นภารัตน์ มีเลือดไหลออกจากช่องคลอดเล็กน้อย ซึ่งก็ไม่มีใครสังเกตอะไร จนผ่านไปหลายชั่วโมงต่อมา กลับมีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก และไหลไม่หยุด
ทางพยาบาลก็ได้เข้ามาช่วยกันดูแลห้ามเลือดจากช่องคลอด แต่เลือดก็ไหลไม่หยุด น.ส.นภารัตน์ มีอาการซีดเซียวลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งช็อกหมดสติไป และเสียชีวิตในที่สุด โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น แพทย์ลงความเห็นว่าสาเหตุการเสียชีวิตคือเลือดไปอุดตันที่ปอด ทางด้าน นพ.สุรัตน์ ตันติทวีวรกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตะกั่วป่า เปิดเผยว่า ทางโรงพยาบาลเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง ทางทีมแพทย์และพยาบาลจะทบทวนอีกครั้งว่าอะไรคือสาเหตุของการเสียชีวิตครั้งนี้
ในวันที่ 2 พฤศจิกายน สาธารณสุขจังหวัดพังงา พร้อมด้วย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตะกั่วป่า และนายประจวบ สามีของ น.ส.นภารัตน์ ผู้เสียชีวิต ได้เข้าประชุมร่วมกันถึงประเด็นดังกล่าว โดยทางฝั่งญาติผู้เสียชีวิตมีข้อเรียกร้อง 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือ ต้องการให้ทางสาธารณสุขจังหวัดพังงา ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการเสียชีวิตของ น.ส.นภารัตน์
ส่วนประเด็นที่สองคือ เรื่องเงินค่าชดเชย เบื้องต้นครอบครัวต้องการให้ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบค่าเสียหายเป็นเงิน 1 ล้านบาท แต่ทางโรงพยาบาลเผยว่าสามารถเยียวยาได้เต็มที่คือ 200,000 บาท แต่ทั้งนี้จะมีเงินในส่วนของประกันสังคมของ น.ส.นภารัตน์ ด้วย จำนวน 400,000 บาท
ทั้งนี้ที่ประชุมได้นัดหมายอีกครั้งในวันที่ 6 พฤศจิกายน โดยทางโรงพยาบาลและทีมแพทย์ที่เกี่ยวข้อง จะหารือและสรุปข้อมูลต่าง ๆ ให้ญาติผู้เสียชีวิตได้รับทราบ และจะตกลงเรื่องค่าเสียหายกันอีกครั้ง
จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดที่จัดบำเพ็ญกุศลศพของ น.ส.นภารัตน์ บรรยากาศภายในงานศพเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยนางเรวดี วุ่นจินา อายุ 47 ปี พี่สาวผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า สาเหตุที่น้องสาวเสียชีวิต น่าจะเป็นเพราะตอนที่ตกเลือด น้องสาวตนไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่เท่าที่ควร ทีมแพทย์ดูแลไม่ดี และการปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ทั้งที่น้องสาวตนฝากท้องแบบพิเศษ เสียเงินไป 7,000 กว่าบาท
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
จากกรณี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 นายประจวบ บวรสุวรรณ์ อายุ 51 ปี พา น.ส.นภารัตน์ วุ่นจินา อายุ 45 ปี ภรรยาตั้งครรภ์แก่ ไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลตะกั่วป่า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา แต่หลังจากที่หมอผ่าตัดทำคลอดไปได้ไม่กี่ชั่วโมง น.ส.นภารัตน์ ก็เสียชีวิต ข่าวร้ายนี้สร้างความตกตะลึงและโศกเศร้าเสียใจแก่ครอบครัวเป็นอย่างมาก ญาติพี่น้องต่างก็ติดใจการเสียชีวิตของ น.ส.นภารัตน์ และต้องการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเหตุดังกล่าว
เกี่ยวกับกรณีนี้ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่องอมรินทร์ ทีวี รายงานว่า น.ส.นภารัตน์ ผ่าคลอดเสร็จในเวลาประมาณ 13.00 น. ทารกเป็นเพศชาย น้ำหนัก 3.4 กิโลกรัม แข็งแรงสมบูรณ์ดี หลังจากนั้น น.ส.นภารัตน์ ถูกย้ายออกไปพักฟื้นที่ห้องพิเศษ ขณะนั้นยังไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น น.ส.นภารัตน์ สามารถให้นมลูกชายแรกคลอดได้ตามปกติ แต่ในเวลาต่อมา น.ส.นภารัตน์ มีเลือดไหลออกจากช่องคลอดเล็กน้อย ซึ่งก็ไม่มีใครสังเกตอะไร จนผ่านไปหลายชั่วโมงต่อมา กลับมีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก และไหลไม่หยุด
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
ในวันที่ 2 พฤศจิกายน สาธารณสุขจังหวัดพังงา พร้อมด้วย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตะกั่วป่า และนายประจวบ สามีของ น.ส.นภารัตน์ ผู้เสียชีวิต ได้เข้าประชุมร่วมกันถึงประเด็นดังกล่าว โดยทางฝั่งญาติผู้เสียชีวิตมีข้อเรียกร้อง 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือ ต้องการให้ทางสาธารณสุขจังหวัดพังงา ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการเสียชีวิตของ น.ส.นภารัตน์
นายประจวบ บวรสุวรรณ์ สามีของ น.ส.นภารัตน์ ผู้เสียชีวิต : ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
ครอบครัวตั้งข้อสงสัยว่า ขณะที่ น.ส.นภารัตน์ กำลังพักฟื้นที่โรงพยาบาลหลังผ่าคลอด เพราะเหตุใดถึงมีเลือดไหลจากช่องคลอดไม่หยุด และทำไมแพทย์ไม่เข้าช่วยเหลือ หรือทำการรักษาใด ๆ ทั้งที่พยาบาลประเมินเบื้องต้นแล้วว่าควรให้แพทย์เข้ามาดูอาการ นอกจากนี้แล้ว ยังพบว่าขณะนั้นผ้ารองซับเลือดของโรงพยาบาลหมด ไม่มีใช้งานอีกด้วย
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
ส่วนประเด็นที่สองคือ เรื่องเงินค่าชดเชย เบื้องต้นครอบครัวต้องการให้ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบค่าเสียหายเป็นเงิน 1 ล้านบาท แต่ทางโรงพยาบาลเผยว่าสามารถเยียวยาได้เต็มที่คือ 200,000 บาท แต่ทั้งนี้จะมีเงินในส่วนของประกันสังคมของ น.ส.นภารัตน์ ด้วย จำนวน 400,000 บาท
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
นางเรวดี กล่าวอีกว่า ตนอยากให้ทางโรงพยาบาลดูแลรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย เพราะ น.ส.นภารัตน์ เป็นเสาหลักของครอบครัว และยังรับภาระเลี้ยงดูพ่อที่พิการ ตอนนี้ยังไม่กล้าบอกข่าวร้ายให้พ่อรู้ เพราะกลัวว่าพ่อจะตกใจ ทำใจไม่ได้จากการเสียลูกสาวไป และอาจจะเสียใจถึงขั้นช็อกได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก