เจ้าของร้านวิวาห์ Panvisit แจงหมุนเงินไม่ทัน ไม่ตั้งใจหลอกลวง-ตร. เร่งเช็กเส้นทางการเงิน

เจ้าของร้าน Panvisit แจงหมุนเงินไม่ทัน ชุดน้อย ลูกค้าเยอะ ไม่ตั้งใจหลอกขายแพ็กเกจแต่งงาน ยินดีชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด ด้านลูกค้ายันต้องการเงินคืนใน 7 วัน โวยเสียหายหนักไม่มีเงินจัดงาน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. ในฐานะรอง ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) แถลงการจับกุม นายปรรณวิสิฐ จงรักสานติกูล หรือ เชฟออย อายุ 36 ปี เจ้าของร้านเวดดิ้ง Panvisit และ นายนุกูล มนูเลิศ อายุ 36 ปี ผู้จัดการร้าน ผู้ต้องหาตามหาหมายศาลอาญา ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายปรรณวิสิฐ ได้ที่ซอยสวนผัก 19 แขวงและเขตตลิ่งชัน ส่วนนายนุกูล จับได้ที่ ต.หนองสังข์ อ.แก่งคร้อ จ.ชัยภูมิ ตั้งแต่เมื่อวานนี้

พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า มีกลุ่มผู้เสียหายคู่รักกำลังจะแต่งงานได้ทำการซื้อแพ็กเกจแต่งงานกับทางร้าน Panvisit ซึ่งจดทะเบียนในนามบริษัท สยาม ปิติ จำกัด ต่อมา ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ได้ทราบข่าวจากสื่อมวลชนว่า บริษัท สยาม ปิติ จำกัด ได้ยกเลิกการจดทะเบียนเป็นบริษัทไปแล้ว จึงเชื่อแน่นอนว่าเป็นการหลอกลวง โดยผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนทั้งการผิดนัดส่งชุดแต่งงาน บ่ายเบี่ยงเลื่อนนัดพูดคุยเกี่ยวกับพิธีการ ผิดนัดถ่ายพรีเวดดิ้ง ผู้เสียหายจึงได้รวมกลุ่ม จำนวนกว่า 300 ราย หรือประมาณ 150 กว่าคู่ แจ้งความกับตำรวจ

จากการตรวจสอบพบว่า มีร้านในเครือทั้งหมด 4 ร้าน คือ ร้าน Panvisit, ร้านเช่าชุดในตำนาน ณ นิรันดร์, ร้านเลอ ปิติ และร้าน Anastasia รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 7,845,610 บาท ทั้งนี้ จากการสอบสวน ผู้ต้องหารับสารภาพว่า มีปัญหาการบริหารงานภายในบริษัท โดยจะชดใช้เงินคืนให้กับผู้เสียหายทั้งหมด หลังจากนี้จะต้องมีการเจรจาคืนเงินต่อหน้าพนักงานสอบสวน เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย โดยผู้ต้องหาไม่มีพฤติกรรมหลบหนี และไม่เคยมีประวัติฉ้อโกงมาก่อน หลังจากนี้จะต้องมีการไล่ตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดว่าเงินที่ได้มานำไปทำอะไรบ้าง

โดยนายปรรณวิสิฐ เจ้าของร้าน ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทขาดสภาพคล่องทางการเงินจริง ก่อนหน้านี้ ได้รับผิดชอบกับกลุ่มลูกค้าที่ได้รับความเดือดร้อนและชดใช้ไปแล้ว แต่เมื่อมาเป็นข่าว ทำให้มีผู้เสียหายรวมตัวเข้ามาพร้อมกัน ตนไม่สามารถทยอยชดใช้ให้ทัน ซึ่งหลังจากนี้ตนยินดีจะชดใช้ทุกคน แต่มูลค่าไม่น่าจะถึงกว่า 7 ล้านบาท

พร้อมยอมรับว่าทางร้านมีชุดและพนักงานไม่เพียงพอ แต่กลับรับลูกค้าเกินจำนวนของที่มี ซึ่งเป็นการบริหารจัดการผิดพลาด ส่วนระยะเวลาว่าจะชดใช้เมื่อไหร่ ขอเวลาในตรวจสอบความเสียหาย แต่ยืนยันว่าจะชดใช้ให้ผู้เสียหายทุกคน

นายวุฒิชัย ประเสริฐเกื้อกูล หนึ่งในผู้เสียหายที่ซื้อแพ็กเกจเช่าชุดแต่งงานกับทางร้าน ซึ่งจะจัดงานแต่งงานในวันที่ 22 ธันวาคม นี้ ระบุว่า หากมีการเจรจาที่จะชดใช้ก็ยินดี แต่ในส่วนของคดีอาญาก็ให้ดำเนินไป ที่ผ่านมาไม่มีการประสานจากเจ้าของร้านเจรจาเลย ทั้งนี้ผู้เสียหายที่รวมกลุ่มมีการพูดคุยกันว่า ต้องการได้เงินค่าเสียหายคืนภายใน 7 วัน เพราะทุกคนเดือดร้อน ต้องไปเช่าชุด และจ่ายเงินค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในงานแต่งตามกำหนดเดิม