สาวเกาหลีใต้ 2 คน ถูกกลุ่มชายรุมทำร้ายในผับ รายหนึ่งโดนกระทืบ รายหนึ่งโดนทำร้ายจนกะโหลกแตก เหตุเพราะไม่ชอบใจ หลังเห็นผมสั้นและไม่แต่งหน้า คิดว่าเป็นพวกเฟมินิสต์
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ในเวลาราว 04.00 น. เอและบี ได้ไปเที่ยวผับแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินอีซู ย่านซาดังดง ในกรุงโซล โดยขณะที่กำลังอยู่ในผับ เอกับบีสังเกตได้ว่าคู่รักชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ ส่งสายตามองพวกเธอแบบแปลก ๆ อยู่ตลอด จนพวกเธอรู้สึกไม่สบายใจ จึงได้สอบถามไปว่ามองพวกเธอทำไม คู่รักคู่นั้นไม่ได้ตอบอะไร พวกเขาหัวเราะออกมาและกระซิบกระซาบกันใหญ่ หลังจากนั้นเอกับบี และคู่รักดังกล่าว ก็เริ่มมีปากเสียงกัน แต่ไม่ได้มีอะไรวุ่นวาย หรือรุนแรง จนกระทั่งมีผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
ผู้ชายกลุ่มนี้มากันประมาณ
5 คน พวกเขาน่าจะรู้จักกับคู่รักหนุ่มสาว หนึ่งในนั้นมองเอกับบี
แล้วกล่าวขึ้นมาว่า "ดูสิว่าเราเจอใคร นังพวกเมกัลนี่เอง" โดย เมกัล
ในที่นี้ หมายถึงสมาชิกกลุ่มเมกาเลีย (Megalia)
ซึ่งเป็นกลุ่มสังคมชาวเฟมินิสต์ชื่อดังกลุ่มหนึ่งในเกาหลีใต้
พวกเขามาพูดจาหาเรื่องเอกับบี ทำให้บรรยากาศที่โต๊ะเป็นไปอย่างน่าอึดอัด
และสร้างความไม่สบายใจให้เอกับบีเป็นอย่างมาก
เอกับบี มีลักษณะท่าทางคล้ายทอมบอย
ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ชายกลุ่มนี้รู้สึกขัดหูขัดตา หนึ่งในนั้นกล่าวว่า
พวกเธอทั้งสองแก่เกินไปที่จะเป็นทอมบอยหรือเฟมินิสต์แล้ว พร้อมถามว่า
พวกเธอไม่ได้มีอะไรทำแล้วหรืออย่างไร ถึงได้มาทำตัวแบบนี้
เอไม่พอใจและได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิป
ผู้ชายคนหนึ่งแย่งโทรศัพท์ไปจากมือเธอ เอพยายามแย่งคืน แต่เธอโดนกระชากตัว ผู้ชายคนหนึ่งชกเธอและบีบคอเธอ พร้อมตะโกนใส่หน้าว่า "อย่ามาทำซ่าแถวนี้ แกเกิดมามีจิ๋มแท้ ๆ แต่มาทำกร่าง ใช้จิ๋มไม่เป็นเหรอ" หลังจากนั้นเอก็ถูกจับเหวี่ยงไปกระแทกกำแพง และล้มไปกองกับพื้น
ตอนนั้นพวกผู้ชายกลุ่มดังกล่าวจะเดินออกจากผับ พวกเขาเดินเหยียบไปบนร่างของเอ เหยียบกระเป๋าเธอ ด่าทอเธอ และไม่ปล่อยให้เธอหนีไปไหน ทางด้านบีคว้าตัวผู้ชายคนหนึ่งไว้ ไม่ให้ออกไปจากผับ และพยายามโทร. แจ้งตำรวจ แต่เธอถูกสลัดออก ผู้ชายคนหนึ่งผลักเอไปตามทางเดิน เอพยายามเข้าไปช่วยและร้องห้าม แต่ไม่เป็นผล บีถูกเตะ และถูกจับโยนไปทางบันได ด้านหลังศีรษะของเธอไปกระแทกขอบบันไดและมีเลือดไหลออกมามาก
หลังจากนั้น ประมาณ 30 นาที
เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินทางมาถึง พวกเขาได้สอบปากคำเอถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
ส่วนกลุ่มคนร้าย 4 คน ที่ทำร้ายเอและบี ได้เดินทางย้อนกลับมา
พวกเขาอ้างว่าไม่ได้ทำร้ายใคร และบีหกล้มหัวกระแทกบันไดเอง
รายงานระบุว่า อาการของบีค่อนข้างหนัก เพราะแผลบริเวณศีรษะของเธอแตกลึกไปถึงกะโหลก เธอมีอาการมึนงงอยู่ตลอดเวลา เวียนหัว ปวดหัว ปวดท้อง และเบื่ออาหาร ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างพักฟื้น ไม่สามารถระบุได้ว่าจะกลับมาหายดีเมื่อใด ทางด้านเอ ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวเลวร้ายนี้ เธอต้องการความยุติธรรม และไม่ต้องการให้มีผู้หญิงคนไหนถูกทำร้ายในลักษณะเช่นนี้อีก
"ฉันถูกทำร้าย แค่เพราะฉันตัดผมสั้นเหมือนทอม และไม่ได้แต่งหน้าเหมือนคนอื่น" เอ กล่าว
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้กลายเป็นกระแสไวรัลบนสังคมออนไลน์ของเกาหลีใต้ ได้มีการติดแฮชแท็ก 이수역_폭행남 ที่สามารถแปลได้ประมาณว่า ผู้ชายทำร้ายเหยื่อ ที่สถานีอีซู ชาวเน็ตได้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันอย่างหนัก และได้มีการตั้งแคมเปญบนเว็บไซต์ 1.president ของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาสอบสวนเรื่องนี้ ซึ่งในขณะนี้มีคนลงชื่อแล้วกว่า 343,400 คน
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @boroja8902
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 เว็บไซต์เน็กซ์ชาร์ก รายงานว่า
หญิงสาวชาวเกาหลีใต้ 2 คน คือ บี และ เอ
ถูกผู้ชายหลายคนรุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง
โดยบีถึงขั้นกะโหลกศีรษะแตก
หญิงสาวทั้งสองไม่เคยรู้จักผู้ชายเหล่านี้มาก่อน
และพวกเธอก็ไม่ได้ไปทำอะไรให้พวกเขาไม่พอใจ
ผู้ชายกลุ่มนี้จู่โจมพวกเธอเพราะคิดว่าเป็นพวกเฟมินิสต์ (Feminist)
ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวทางสังคมสมัยใหม่ในสังคมเกาหลีใต้
แต่ยังไม่เป็นที่ยอมรับเท่าใดนัก อีกทั้งยังมีกระแสต่อต้านออกมาบ่อยครั้ง
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ในเวลาราว 04.00 น. เอและบี ได้ไปเที่ยวผับแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินอีซู ย่านซาดังดง ในกรุงโซล โดยขณะที่กำลังอยู่ในผับ เอกับบีสังเกตได้ว่าคู่รักชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ ส่งสายตามองพวกเธอแบบแปลก ๆ อยู่ตลอด จนพวกเธอรู้สึกไม่สบายใจ จึงได้สอบถามไปว่ามองพวกเธอทำไม คู่รักคู่นั้นไม่ได้ตอบอะไร พวกเขาหัวเราะออกมาและกระซิบกระซาบกันใหญ่ หลังจากนั้นเอกับบี และคู่รักดังกล่าว ก็เริ่มมีปากเสียงกัน แต่ไม่ได้มีอะไรวุ่นวาย หรือรุนแรง จนกระทั่งมีผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
ในเวลาต่อมา
คู่รักดังกล่าวได้เดินทางออกจากผับไป ผู้ชายคนหนึ่งจากในกลุ่มก็ออกไปด้วย
ส่วนผู้ชาย 4 คน ที่เหลือ ยังคงอยู่ที่เดิม พวกเขาเริ่มเข้ามาคุกคามเอกับบี
พร้อมกับด่าทอต่าง ๆ นานา
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @boroja8902
ผู้ชายคนหนึ่งแย่งโทรศัพท์ไปจากมือเธอ เอพยายามแย่งคืน แต่เธอโดนกระชากตัว ผู้ชายคนหนึ่งชกเธอและบีบคอเธอ พร้อมตะโกนใส่หน้าว่า "อย่ามาทำซ่าแถวนี้ แกเกิดมามีจิ๋มแท้ ๆ แต่มาทำกร่าง ใช้จิ๋มไม่เป็นเหรอ" หลังจากนั้นเอก็ถูกจับเหวี่ยงไปกระแทกกำแพง และล้มไปกองกับพื้น
ตอนนั้นพวกผู้ชายกลุ่มดังกล่าวจะเดินออกจากผับ พวกเขาเดินเหยียบไปบนร่างของเอ เหยียบกระเป๋าเธอ ด่าทอเธอ และไม่ปล่อยให้เธอหนีไปไหน ทางด้านบีคว้าตัวผู้ชายคนหนึ่งไว้ ไม่ให้ออกไปจากผับ และพยายามโทร. แจ้งตำรวจ แต่เธอถูกสลัดออก ผู้ชายคนหนึ่งผลักเอไปตามทางเดิน เอพยายามเข้าไปช่วยและร้องห้าม แต่ไม่เป็นผล บีถูกเตะ และถูกจับโยนไปทางบันได ด้านหลังศีรษะของเธอไปกระแทกขอบบันไดและมีเลือดไหลออกมามาก
"พวกนั้นผลักเธอ
(บี) แรงมาก ลากเธอออกไปตามทางเดิน ออกไปที่ประตูทางเข้า
ฉันขอร้องให้พวกมันหยุด แต่พวกมันไม่ยอม และก็จับร่างเธอเหวี่ยงใส่บันได
ฉันตกใจมาก เข้าไปช่วยพยุงตัวเธอขึ้นมา เธอหัวแตก มีเลือดไหลออกมาเต็มไปหมด
ฉันพยายามช่วยเช็ดเลือดให้ แต่มือไม้สั่นไปหมด ส่วนพวกนั้นก็หนีไปแล้ว" เอ
เล่าถึงเหตุการณ์ระทึกในตอนนั้น
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @boroja8902
รายงานระบุว่า อาการของบีค่อนข้างหนัก เพราะแผลบริเวณศีรษะของเธอแตกลึกไปถึงกะโหลก เธอมีอาการมึนงงอยู่ตลอดเวลา เวียนหัว ปวดหัว ปวดท้อง และเบื่ออาหาร ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างพักฟื้น ไม่สามารถระบุได้ว่าจะกลับมาหายดีเมื่อใด ทางด้านเอ ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวเลวร้ายนี้ เธอต้องการความยุติธรรม และไม่ต้องการให้มีผู้หญิงคนไหนถูกทำร้ายในลักษณะเช่นนี้อีก
"ฉันถูกทำร้าย แค่เพราะฉันตัดผมสั้นเหมือนทอม และไม่ได้แต่งหน้าเหมือนคนอื่น" เอ กล่าว
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้กลายเป็นกระแสไวรัลบนสังคมออนไลน์ของเกาหลีใต้ ได้มีการติดแฮชแท็ก 이수역_폭행남 ที่สามารถแปลได้ประมาณว่า ผู้ชายทำร้ายเหยื่อ ที่สถานีอีซู ชาวเน็ตได้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันอย่างหนัก และได้มีการตั้งแคมเปญบนเว็บไซต์ 1.president ของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาสอบสวนเรื่องนี้ ซึ่งในขณะนี้มีคนลงชื่อแล้วกว่า 343,400 คน
แต่อย่างไรก็ตาม
แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยกับเน็กซ์ชาร์ก ว่า
ทางการเกาหลีใต้พยายามปิดข่าวนี้ ไม่ให้สื่อรายงาน
และไม่อยากให้เรื่องหลุดออกไปจนกลายเป็นข่าวใหญ่
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @boroja8902
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @koryodynasty