กระทรวงศึกษาธิการ สั่งตรวจสอบนักเรียนในโรงเรียนที่ไม่มีอยู่จริง แต่ทุจริตรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ชี้มีเจ้าหน้าที่ยอมรับถูกผู้บริหารสั่งให้กรอกตัวเลขนักเรียน
ดร.บุญรักษ์ กล่าวต่อว่า มีผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ย้ายชื่อนักเรียนเข้ามาเพิ่มจำนวน เพราะหวังสร้างผลงานเพื่อปรับเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ ซึ่งสั่งการให้ตรวจสอบแล้ว มีมูลอยู่แล้ว พบหนึ่งโรงเรียนที่เป็นข่าวอยู่ ตอนนี้ส่งกรรมการไปสืบข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ มีการบันทึกปากคำกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ แต่การสืบทางลับมีมูล
ขณะที่
พ.ต.ท. สามารถ ไชยณรงค์ ผู้อำนวยการ ป.ป.ท. เขต 3 นครราชสีมา กล่าวว่า
จากการตรวจสอบข้อมูลและสอบถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนบางแห่ง ยอมรับว่าถูกผู้บริหารให้กรอกตัวเลขนักเรียน
โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนไม่ถึง 500 คน
แก้ไขให้มีนักเรียนเกิน 500 คน เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์โรงเรียนขนาดกลาง
โดยให้เหตุผลว่าหากเป็นโรงเรียนขนาดกลาง งบประมาณที่กระทรวงจัดสรรลงมา
โดยเฉพาะงบอุดหนุนรายหัว ที่จะได้รับคนละ 3,500-3,800 บาท
ทางโรงเรียนจะสามารถจัดซื้อจัดจ้างได้
รวมไปถึงผู้บริหารสามารถย้ายไปเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดใหญ่ได้
ซึ่งประเด็นนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 ข่าวเวิร์คพอยท์ รายงานว่า ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(กพฐ.) ประชุมแก้ปัญหากรณีรายชื่อนักเรียนในโรงเรียนที่ไม่มีอยู่จริง
หรือนักเรียนผี แต่รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ร่วมกับหน่วยงานในสังกัด
ซึ่งพบสาเหตุที่นักเรียนมีชื่อในทะเบียนแต่ไม่มีตัวตน เช่น
ขาดเรียนต่อเนื่อง สมรสแล้วขอพักการเรียน รวมถึงการย้ายที่อยู่
ไม่จบหลักสูตร ม.3 หรือ ม.6 แล้วไม่แจ้งย้ายออก หรือไม่แก้ผลการเรียน
ส่วนกรณีมีชื่อในสังกัด สพฐ. แต่ซ้ำซ้อนกับสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพราะไปลงทะเบียนเรียน แต่ไม่แจ้งย้ายออก
ดร.บุญรักษ์ กล่าวต่อว่า มีผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ย้ายชื่อนักเรียนเข้ามาเพิ่มจำนวน เพราะหวังสร้างผลงานเพื่อปรับเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ ซึ่งสั่งการให้ตรวจสอบแล้ว มีมูลอยู่แล้ว พบหนึ่งโรงเรียนที่เป็นข่าวอยู่ ตอนนี้ส่งกรรมการไปสืบข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ มีการบันทึกปากคำกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ แต่การสืบทางลับมีมูล
ด้าน
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า
ระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคล หรือ DMC
ของแต่ละหน่วยงานไม่เชื่อมโยงกัน จึงสั่งการให้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
เร่งแก้ไขปัญหา ส่วนกรณีที่เบิกจ่ายเงินอุดหนุนไปแต่นักเรียนไม่มีตัวตน
ก็ต้องจ่ายคืนเงินทั้งหมด ซึ่ง สพฐ.
ยังสั่งการให้โรงเรียนในสังกัดตรวจนับจำนวนนักเรียนและส่งมาภายในสิ้นเดือนนี้
คาดว่าจะทราบจำนวนทั้งหมดในวันที่ 3 ธันวาคม
โดยการเบิกจ่ายงบประมาณของโรงเรียนจะต้องยืนยันทั้งชื่อในทะเบียนและตัวตนนักเรียน ซึ่งในทุกปีการศึกษาจะมีการสุ่มตรวจทุกวันที่ 10 มิถุนายน และวันที่ 10 พฤศจิกายน อยู่แล้ว
ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
ทั้งนี้ นายสุทธิพร ไชยพิเดช
รักษาการศึกษาธิการจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า
เมื่อเทียบจำนวนนักเรียนปีการศึกษานี้กับปีที่แล้ว พบว่ามีจำนวนลดลง
จึงไม่มีนัยสำคัญใด ๆ อีกทั้งการเข้า-ออก
หรือการโยกย้ายถิ่นฐานของผู้เรียน โรงเรียนแต่ละแห่งจะต้องใช้เลขประจำตัว
13 หลักเป็นหลักฐาน จึงเป็นเรื่องยากในการสร้างตัวเลข
เพื่อขอรับเงินอุดหนุน
หรือใช้ในการโยกย้ายผู้บริหารตามที่มีการตั้งข้อสังเกต
ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก