ทนายดังเตือน คดีหมอข่มขืนคนไข้ ระวัง "เงิบ" ชี้ มีพิรุธ มีที่ไหน ไปให้ขืนใจ 2 ครั้ง

          ทนายเดชา เจ้าของเพจ "ทนายคลายทุกข์" เตือนระวังเงิบคดีหมอสูติฯ ข่มขืนคนไข้ ไร้หลักฐานมัดตัว ซัดเหยื่อมีพิรุธ มีที่ไหนไปให้หมอชำเราถึง 2 ครั้ง อาจเป็นการกลั่นแกล้งหมอก็เป็นได้ ย้ำให้รอลุ้นตอนฟ้องศาล

          ข้อ 1. ขณะที่มาร้องเรียน ทนายความของฝั่งผู้เสียหายไม่มีหลักฐานพิสูจน์ความผิดเลย อีกทั้งเหตุการณ์ก็ผ่านมานานเป็น 10 วันแล้ว ไม่มีการแจ้งความ แม้แต่ข้อมูลการต่อสู้ขัดขวางก็ไม่มี รวมถึงไม่มีหลักฐานการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ด้วย

          ข้อ 2. เมื่อไม่มีพยานหลักฐานทนายความทั่วไปก็ไม่น่าดำเนินคดีต่อ เพราะอาจแพ้คดีความได้

          ข้อ 3. การที่ทนายความแนะนำให้ผู้เสียหายไปหลอกล่อคุณหมอ เพื่อบันทึกเสียงและขอเงินจนได้มา แล้วเอามาเป็นพยานหลักฐาน อันนี้เป็นการได้พยานหลักฐานมาด้วยวิธีการมิชอบด้วยกฎหมาย และทนายความก็ไม่ควรทำ

          ข้อ 4. ผู้เสียหายเรียกเงินจากหมอ แล้วก็ได้เงินได้ทองมาจริง ซึ่งก็เท่ากับยอมความแล้ว ในเมื่อยอมความแล้วสิทธิในการดำเนินคดีทางอาญาเกี่ยวกับเรื่องข่มขืนกระทำชำเราในที่ลับก็จบไปแล้ว

          ข้อ 5. เมื่อได้เงินสมใจแล้ว มีข้อสงสัยว่าเอามาออกทีวีทำไมเอาเรื่องหมอมาประจาน เพื่อต้องการได้เงินเพิ่มหรือต้องการพื้นที่สื่อหรืออย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าต้องการเอาหมอติดคุก หรือจะเรียกเงินเพิ่ม

          ข้อ 6. ทนายความอ้างว่ามีผู้เสียหายมากกว่า 50 คน ตั้งแต่ 15 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ส่วนนี้ส่อพิรุธอย่างยิ่งเพราะมีแต่คำกล่าวอ้างไม่มีหลักฐาน เพราะนี่อาจจะเป็นการกลั่นแกล้งหมอก็ได้ และบางเรื่องก็ขาดอายุความแล้ว แต่จะพาผู้เสียหายเหล่านี้ไปพบ ผบ.ตร. เพื่ออะไร

          ดังนั้นจึงอยากฝากถึงประชาชนอย่าเพิ่งไปเชื่อว่าใครผิดใครถูกจนกว่าจะส่งฟ้องศาลถึงจะรู้ แล้วฝากถึงทนายถ้าไม่มีพยานหลักฐานก็อย่าทำความเสียหายให้กับคู่กรณีมากขึ้น

          ขณะที่ อมรินทร์ ทีวี ได้สอบถามไปยังหนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกหมอล่วงละเมิดขณะตรวจภายใน เผยว่า ได้ไปหาหมอเพื่อที่จะแก้หมัน เพราะอยากจะมีบุตร โดยได้ยินชื่อเสียงของหมอนานานว่าเป็นหมอที่เก่ง จึงติดต่อเข้าไปทำการรักษา ซึ่งตนเข้าพบหมอถึง 2 ครั้ง ในครั้งแรกหมอใช้อุปกรณ์และนิ้วสอดใส่เข้าในช่องคลอด ใช้เวลานานประมาณ 20 นาทีต่อครั้ง พร้อมให้ตนปลดตะขอเสื้อชั้นใน และใช้มือสัมผัสหน้าอก
          ทั้งนี้ตนยอมรับว่า ในครั้งแรกตนคิดว่าเป็นการรักษาแบบปกติทั่วไป แต่เมื่อมาครั้งที่ 2 กลับเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันอีก จึงได้เล่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนรุ่นน้อง และพบว่าเจอแบบเดียวกัน จากนั้นได้เลิกไปหาหมอคนดังกล่าว กระทั่งมาเห็นข่าวยิ่งมั่นใจว่าตนเองถูกล่วงละเมิดจริง จึงกล้าออกมาให้ข้อมูล

          ด้านทนายเดชา ให้ความเห็นถึงเคสนี้ว่า ไม่มีอะไรจะพิสูจน์ได้ว่าหญิงรายนี้ถูกกระทำชำเราจริง ประจักษ์พยานก็ไม่มี แจ้งความก็ช้า ซ้ำเดินทางไปครั้งแรก และยังกลับไปให้กระทำชำเราอีกเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งการกลับไปเช่นนี้เหมือนตั้งใจกลับไปให้หมอกระทำชำเรา ประกอบกับเวลาก่อเหตุที่นานกว่า 15 นาที ซึ่งนานมาก โดยคดีนี้หากการกระทำชำเราเป็นการสมยอม ถือว่าหมอไม่มีความผิด หากเอาผิดต้องมีหลักฐานพิสูจน์ เพียงแค่พูดอย่างเดียวไม่ได้