"โปรเม" สร้างประวัติศาสตร์กวาดทุกรางวัลใหญ่ LPGA Tour คว้าที่ 5 ร่วมศึก CME Group - "โปรโม" จบอันดับ 58 ร่วม
ภาพจาก Michael Reaves / AFP
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 มีรายงานว่า โปรเม เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟสาวมือ 1 ของโลก กวาดรางวัลใหญ่ของ LPGA Tour ครบทุกรางวัลในรอบปี 2018 หลังจากคว้าอีก 2 รางวัลใหญ่ คือ โบนัส 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากคะแนนสะสม Race to CME Globe รวมทั้งรางวัลสกอร์เฉลี่ยยอดเยี่ยม ถ้วยแวร์ โทรฟี่ ไปครอง หลังจบรอบสุดท้าย ศึก CME Group Tour Championship ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน โดยทำผลงาน 12 อันเดอร์พาร์ 276 คว้าอันดับ 5 ร่วม ส่วน โปรโม โมรียา จุฑานุกาล ปิดฉากการแข่งขันในอันดับ 58 ร่วม สกอร์ 5 โอเวอร์พาร์ 293
ทั้งนี้ โปรเม จบการแข่งขันรอบสาม ทำสกอร์ 6 อันเดอร์พาร์ ในรอบสุดท้าย แม้จะไม่ได้ลุ้นแชมป์ แต่บรรยากาศการแข่งขันเป็นไปอย่างสนุกตื่นเต้น เนื่องจากทำอันดับสูสีกับ บรู๊ก เฮนเดอร์สัน โปรชาวแคนาดา และ นาสะ ฮาตาโอกะ โปรชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีลุ้นเบียดแย่งโบนัส Race to CME Globe เช่นกัน หากทำอันดับได้ดีกว่าโปรเมมาก โดยมีบางช่วง บรู๊ก ซึ่งออกรอบล่วงหน้าโปรเมไป 2 หลุม สามารถสลับขึ้นไปนำคะแนนสะสมได้ด้วย
ภาพจาก Michael Reaves / AFP
ช่วง 9 หลุมแรกของรอบสุดท้าย โปรเมทำ 3 เบอร์ดี้ ที่หลุม 4, 6 และ 7 ก่อนไปเสียโบกี้ที่หลุม 9 แต่พอเข้า 9 หลุมหลังก็ฟอร์มร้อนแรง ตีแอพโพรชชอตเข้าไปในระยะหวังผลหลายหลุม จนทำถึง 5 เบอร์ดี้ ที่หลุม 10, 11, 14, 17 และ 18 เสียเพียงโบกี้เดียวที่หลุม 15 โดยหลุมสุดท้าย พาร์ 4 โปรเมหวดชอตสองขึ้นไปออนห่างหลุมราว 15 ฟุต ก่อนพัตต์เบอร์ดี้ลงไปอย่างสวยงาม ทำให้ตลอดวันเก็บเพิ่ม 6 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวมเป็น 12 อันเดอร์พาร์ 276 คว้าอันดับ 5 ร่วมกับ ลิเดีย โค อดีตมือ 1 ของโลกชาวนิวซีแลนด์, มาริน่า อเล็กซ์ โปรอเมริกัน และการ์ลอต้า ซิกันด้า จากสเปน
ด้านบรู๊ก พลาดท่าช่วงหลุมท้าย ไปเสีย 2 โบกี้ ที่หลุม 16 และ 18 ทำให้สกอร์รวมจบที่ 9 อันเดอร์พาร์ 279 ในอันดับ 10 ร่วม ขณะที่ นาสะ ฮาตาโอกะ จบอันดับ 9 สกอร์ 10 อันเดอร์พาร์ 278 ส่วนรยู โซ ยอน มือ 3 ของโลกชาวเกาหลีใต้ คว้าอันดับ 3 ร่วม สกอร์ 13 อันเดอร์พาร์ 275 จึงมีคะแนนสะสม Race to CME Globe เป็นอันดับ 2 รองจากโปรเม ส่วนปาร์ก ซุง ฮยุน มือ 2 ของโลกชาวเกาหลีใต้ จบอันดับ 15 ร่วม สกอร์ 6 อันเดอร์พาร์ 282
ภาพจาก Michael Reaves / AFP
ผลงานของโปรเมในรายการนี้ยังการันตีอีกรางวัลใหญ่ อย่างถ้วย "แวร์ โทรฟี่" สำหรับนักกอล์ฟที่ทำสกอร์เฉลี่ยต่ำที่สุดของฤดูกาลอีกด้วย โดยโปรเม มีสถิติ 69.415 ตามด้วย มินจี ลี โปรชาวออสเตรเลีย ซึ่งคว้าอันดับ 37 ร่วม ตีเกิน 1 โอเวอร์พาร์ 289 โดยลีมีสกอร์เฉลี่ยมากกว่าโปรเม 0.332
ทั้งนี้ โปรเม นับเป็นนักกอล์ฟคนแรกในประวัติศาสตร์ที่กวาดทุกรางวัลใหญ่ของ LPGA Tour ในรอบปีเดียวกันขณะที่ครองมือ 1 ของโลก โดยก่อนหน้านี้ โปรเมการันตีรางวัลใหญ่ ๆ อื่น ๆ ไปแล้ว ได้แก่ นักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปี Rolex Player of the Year, รางวัลผลงานดีที่สุดในรายการระดับเมเจอร์ Rolex Annika Major Award, ตำแหน่งนักกอล์ฟทำเงินรางวัลสูงสุด และโบนัส 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ ในฐานะนักกอล์ฟที่จบอันดับท็อป 10 มากที่สุดตลอดปีอีกด้วย
ภายหลังการแข่งขัน โปรเม เผยว่า เบอร์ดี้สุดท้ายนั้น ก่อนพัตต์ตั้งใจมากว่าอยากให้ลงหลุม เพื่อจะได้ปิดฤดูกาลด้วยความรู้สึกดี ๆ และก็ทำได้สำเร็จ สำหรับผลงานการคว้ารางวัลใหญ่ ๆ ในปีนี้นั้น มีความหมายกับตนมาก ๆ เพราะต้องยอมรับตรง ๆ ว่า หลังจากโชว์ฟอร์มได้ดีในปี 2016 จนได้รางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมและเงินสะสม Race to CME Globe แล้ว ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรอีก เพราะคิดว่าตอนนั้นก็สุดยอดมาก ๆ แล้ว พอมาปีนี้จึงเป็นความรู้สึกที่เหลือเชื่อ และภูมิใจในตัวเองมาก ๆ
ภาพจาก Michael Reaves / AFP
ขณะที่ โปรโม ซึ่งทำสกอร์หลังจบสามวัน อีเวนพาร์ 216 รอบสุดท้าย พลาดทำ 2 โบกี้ ที่หลุม 6 และ 11 กับ 2 ดับเบิลโบกี้ที่หลุม 3 และ 13 โดยแก้คืนได้เบอร์ดี้เดียว ทำให้สกอร์รวมเป็น 5 โอเวอร์พาร์ 293 คว้าอันดับ 58 ร่วม
สำหรับตำแหน่งแชมป์เป็นของ เล็กซี่ ธอมป์สัน โปรชาวอเมริกัน ซึ่งนับเป็นแชมป์แรกของปีนี้ของเจ้าตัว โดยทำผลงาน 18 อันเดอร์พาร์ 270
ภาพจาก Michael Reaves / AFP
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 มีรายงานว่า โปรเม เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟสาวมือ 1 ของโลก กวาดรางวัลใหญ่ของ LPGA Tour ครบทุกรางวัลในรอบปี 2018 หลังจากคว้าอีก 2 รางวัลใหญ่ คือ โบนัส 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากคะแนนสะสม Race to CME Globe รวมทั้งรางวัลสกอร์เฉลี่ยยอดเยี่ยม ถ้วยแวร์ โทรฟี่ ไปครอง หลังจบรอบสุดท้าย ศึก CME Group Tour Championship ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน โดยทำผลงาน 12 อันเดอร์พาร์ 276 คว้าอันดับ 5 ร่วม ส่วน โปรโม โมรียา จุฑานุกาล ปิดฉากการแข่งขันในอันดับ 58 ร่วม สกอร์ 5 โอเวอร์พาร์ 293
ทั้งนี้ โปรเม จบการแข่งขันรอบสาม ทำสกอร์ 6 อันเดอร์พาร์ ในรอบสุดท้าย แม้จะไม่ได้ลุ้นแชมป์ แต่บรรยากาศการแข่งขันเป็นไปอย่างสนุกตื่นเต้น เนื่องจากทำอันดับสูสีกับ บรู๊ก เฮนเดอร์สัน โปรชาวแคนาดา และ นาสะ ฮาตาโอกะ โปรชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีลุ้นเบียดแย่งโบนัส Race to CME Globe เช่นกัน หากทำอันดับได้ดีกว่าโปรเมมาก โดยมีบางช่วง บรู๊ก ซึ่งออกรอบล่วงหน้าโปรเมไป 2 หลุม สามารถสลับขึ้นไปนำคะแนนสะสมได้ด้วย
ภาพจาก Michael Reaves / AFP
ช่วง 9 หลุมแรกของรอบสุดท้าย โปรเมทำ 3 เบอร์ดี้ ที่หลุม 4, 6 และ 7 ก่อนไปเสียโบกี้ที่หลุม 9 แต่พอเข้า 9 หลุมหลังก็ฟอร์มร้อนแรง ตีแอพโพรชชอตเข้าไปในระยะหวังผลหลายหลุม จนทำถึง 5 เบอร์ดี้ ที่หลุม 10, 11, 14, 17 และ 18 เสียเพียงโบกี้เดียวที่หลุม 15 โดยหลุมสุดท้าย พาร์ 4 โปรเมหวดชอตสองขึ้นไปออนห่างหลุมราว 15 ฟุต ก่อนพัตต์เบอร์ดี้ลงไปอย่างสวยงาม ทำให้ตลอดวันเก็บเพิ่ม 6 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวมเป็น 12 อันเดอร์พาร์ 276 คว้าอันดับ 5 ร่วมกับ ลิเดีย โค อดีตมือ 1 ของโลกชาวนิวซีแลนด์, มาริน่า อเล็กซ์ โปรอเมริกัน และการ์ลอต้า ซิกันด้า จากสเปน
ด้านบรู๊ก พลาดท่าช่วงหลุมท้าย ไปเสีย 2 โบกี้ ที่หลุม 16 และ 18 ทำให้สกอร์รวมจบที่ 9 อันเดอร์พาร์ 279 ในอันดับ 10 ร่วม ขณะที่ นาสะ ฮาตาโอกะ จบอันดับ 9 สกอร์ 10 อันเดอร์พาร์ 278 ส่วนรยู โซ ยอน มือ 3 ของโลกชาวเกาหลีใต้ คว้าอันดับ 3 ร่วม สกอร์ 13 อันเดอร์พาร์ 275 จึงมีคะแนนสะสม Race to CME Globe เป็นอันดับ 2 รองจากโปรเม ส่วนปาร์ก ซุง ฮยุน มือ 2 ของโลกชาวเกาหลีใต้ จบอันดับ 15 ร่วม สกอร์ 6 อันเดอร์พาร์ 282
ภาพจาก Michael Reaves / AFP
ผลงานของโปรเมในรายการนี้ยังการันตีอีกรางวัลใหญ่ อย่างถ้วย "แวร์ โทรฟี่" สำหรับนักกอล์ฟที่ทำสกอร์เฉลี่ยต่ำที่สุดของฤดูกาลอีกด้วย โดยโปรเม มีสถิติ 69.415 ตามด้วย มินจี ลี โปรชาวออสเตรเลีย ซึ่งคว้าอันดับ 37 ร่วม ตีเกิน 1 โอเวอร์พาร์ 289 โดยลีมีสกอร์เฉลี่ยมากกว่าโปรเม 0.332
ทั้งนี้ โปรเม นับเป็นนักกอล์ฟคนแรกในประวัติศาสตร์ที่กวาดทุกรางวัลใหญ่ของ LPGA Tour ในรอบปีเดียวกันขณะที่ครองมือ 1 ของโลก โดยก่อนหน้านี้ โปรเมการันตีรางวัลใหญ่ ๆ อื่น ๆ ไปแล้ว ได้แก่ นักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปี Rolex Player of the Year, รางวัลผลงานดีที่สุดในรายการระดับเมเจอร์ Rolex Annika Major Award, ตำแหน่งนักกอล์ฟทำเงินรางวัลสูงสุด และโบนัส 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ ในฐานะนักกอล์ฟที่จบอันดับท็อป 10 มากที่สุดตลอดปีอีกด้วย
ภายหลังการแข่งขัน โปรเม เผยว่า เบอร์ดี้สุดท้ายนั้น ก่อนพัตต์ตั้งใจมากว่าอยากให้ลงหลุม เพื่อจะได้ปิดฤดูกาลด้วยความรู้สึกดี ๆ และก็ทำได้สำเร็จ สำหรับผลงานการคว้ารางวัลใหญ่ ๆ ในปีนี้นั้น มีความหมายกับตนมาก ๆ เพราะต้องยอมรับตรง ๆ ว่า หลังจากโชว์ฟอร์มได้ดีในปี 2016 จนได้รางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมและเงินสะสม Race to CME Globe แล้ว ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรอีก เพราะคิดว่าตอนนั้นก็สุดยอดมาก ๆ แล้ว พอมาปีนี้จึงเป็นความรู้สึกที่เหลือเชื่อ และภูมิใจในตัวเองมาก ๆ
ภาพจาก Michael Reaves / AFP
ขณะที่ โปรโม ซึ่งทำสกอร์หลังจบสามวัน อีเวนพาร์ 216 รอบสุดท้าย พลาดทำ 2 โบกี้ ที่หลุม 6 และ 11 กับ 2 ดับเบิลโบกี้ที่หลุม 3 และ 13 โดยแก้คืนได้เบอร์ดี้เดียว ทำให้สกอร์รวมเป็น 5 โอเวอร์พาร์ 293 คว้าอันดับ 58 ร่วม
สำหรับตำแหน่งแชมป์เป็นของ เล็กซี่ ธอมป์สัน โปรชาวอเมริกัน ซึ่งนับเป็นแชมป์แรกของปีนี้ของเจ้าตัว โดยทำผลงาน 18 อันเดอร์พาร์ 270
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN