เด็กหญิงอเมริกัน วัย 12 ปี จุดไฟเผาตัวเองจนบาดเจ็บสาหัส เพราะเพื่อนสั่งให้ทำตามชาเลนจ์ไฟ แลกยอดไลก์ยอดวิวบนโซเชียล ด้านแม่เผย หัวอกแม่ใจจะขาด อยากให้พ่อแม่สอดส่องดูลูกเวลาเล่นอินเทอร์เน็ต ไม่อยากให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก
ภาพจาก gofundme.com
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ บนโลกอินเทอร์เน็ตได้มีการเกิดชาเลนจ์ต่าง ๆ
มากมายที่กลายเป็นกระแสไวรัล และทำตามกันไปเรื่อย ๆ
ส่วนใหญ่แล้วเป็นกิจกรรมสนุก ๆ ที่เป็นเรื่องเฮฮา รวมทั้ง Ice Bucker
Challenge ที่ท้าคนให้เทราดน้ำแข็งลงบนตัวเพื่อการกุศล
และบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
แต่ก็มีชาเลนจ์ด้านมืดจำนวนไม่น้อยที่พุ่งเป้าหมายไปที่เด็กและวัยรุ่นที่ยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ
ชาเลนจ์รูปแบบนี้มีตั้งแต่ให้แกล้งคนอื่น ทำในสิ่งที่เสี่ยง
ไปจนถึงทำร้ายตัวเอง
เทรนด์อินเทอร์เน็ตอันตรายเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต แลกกับการเรียกยอดไลก์ยอดแชร์ และเพิ่มผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดีย หนึ่งในชาเลนจ์ที่อันตรายมากคือ Fire Challenge และมันได้ทำลายชีวิตเด็กผู้หญิง วัย 12 ปี คนหนึ่งไปอย่างสิ้นเชิง
จากการรายงานของเว็บไซต์เมโทร เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2561 ระบุว่า Fire Challenge คือเทรนด์ด้านมืดบนอินเทอร์เน็ตที่ท้าให้คนเอาน้ำมัน หรือเชื้อเพลิงราดลงบนร่างกายแล้วจุดไฟโชว์โซเชียล เพื่อแลกกับยอดวิว ยอดไลก์ รวมทั้งการได้เป็นกระแสไวรัลที่มีผู้คนพูดถึง ต้นตอของเทรนด์นี้เกิดขึ้นในปี 2555 โดยยูทูบเบอร์รายหนึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอโชว์จุดไฟบนหน้าอกของตัวเอง คลิปนี้มียอดวิวจำนวนมาก และเป็นการแนะนำให้คนอื่นทำตาม เด็กวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยตกเป็นเหยื่อเกมเสี่ยงนี้ เพราะอยากเป็นเน็ตไอดอลชื่อดังบนสังคมออนไลน์
เทรนด์อินเทอร์เน็ตอันตรายเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต แลกกับการเรียกยอดไลก์ยอดแชร์ และเพิ่มผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดีย หนึ่งในชาเลนจ์ที่อันตรายมากคือ Fire Challenge และมันได้ทำลายชีวิตเด็กผู้หญิง วัย 12 ปี คนหนึ่งไปอย่างสิ้นเชิง
จากการรายงานของเว็บไซต์เมโทร เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2561 ระบุว่า Fire Challenge คือเทรนด์ด้านมืดบนอินเทอร์เน็ตที่ท้าให้คนเอาน้ำมัน หรือเชื้อเพลิงราดลงบนร่างกายแล้วจุดไฟโชว์โซเชียล เพื่อแลกกับยอดวิว ยอดไลก์ รวมทั้งการได้เป็นกระแสไวรัลที่มีผู้คนพูดถึง ต้นตอของเทรนด์นี้เกิดขึ้นในปี 2555 โดยยูทูบเบอร์รายหนึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอโชว์จุดไฟบนหน้าอกของตัวเอง คลิปนี้มียอดวิวจำนวนมาก และเป็นการแนะนำให้คนอื่นทำตาม เด็กวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยตกเป็นเหยื่อเกมเสี่ยงนี้ เพราะอยากเป็นเน็ตไอดอลชื่อดังบนสังคมออนไลน์
ภาพจาก gofundme.com
แบรนดีและมาร์เควลตกใจมาก พวกเขารีบพาทิมิยาห์เข้าไปในห้องน้ำ แบรนดีพยายามถอดเสื้อผ้าที่มีไฟลุกออกจากตัวลูกสาว ส่วนมาร์เควลก็เปิดน้ำฝักบัวราดลงบนตัวลูก หลังจากนั้นทั้งสองก็รีบขับรถพาเด็กหญิงส่งโรงพยาบาลเด็กใกล้เคียง แบรนดีเล่าว่า ในระหว่างทางไปโรงพยาบาล ตัวเธอเองช็อกจนแทบไม่มีสติใด ๆ หลงเหลืออยู่ กลายเป็นว่าทิมิยาห์มีสติมากกว่าเธออีก
ทิมิยาห์พยายามปลอบโยนแม่ ร้องไห้ไม่หยุดเพราะความเจ็บปวดทรมานจากไฟลวก พร้อมกล่าวขอโทษแม่กับพ่อเลี้ยงซ้ำ ๆ ในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป และเมื่อถึงโรงพยาบาล แพทย์พบว่าแผลไฟลวกกินพื้นที่เกือบ 50 เปอร์เซ็นต์บนร่างกายทิมิยาห์ ภาพที่ครอบครัวถ่ายไว้ เผยให้เห็นว่าเธอนอนบนเตียงผู้ป่วย ต่อเครื่องช่วยหายใจ และทั้งร่างถูกพันด้วยผ้าพันแผล ราวกับมัมมี่
เคราะห์ดีอย่างยิ่งที่ทิมิยาห์รอดชีวิตมาได้ แม้ว่าจะเจ็บปวดทรมานเพราะแผลไฟไหม้ แต่ทิมิยาห์ก็มีกำลังใจที่ดีและตัวเธอเองก็ใจสู้ อย่างไรก็ตาม เธอต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน จนกว่าร่างกายจะถูกเยียวยาจนสามารถกลับบ้านได้ หมอบอกครอบครัวว่าบาดแผลของเธอจะหายดี แต่ร่างกายของเธอจะไม่มีทางกลับมาเป็นปกติ และไม่สามารถทำกิจกรรมอะไร ๆ ได้อย่างเต็มที่มากนัก ซึ่งในส่วนนี้ แบรนดีเปิดเผยว่า เธอตั้งใจว่าถ้าลูกออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะให้เรียนที่บ้านไปก่อน
แบรนดีกล่าวอีกว่า ตอนที่เธอรับรู้เรื่องนี้ เธอโกรธเพื่อน ๆ ของทิมิยาห์อย่างมากจนตัวสั่นไปหมด เธอไม่พอใจอย่างมากที่ลูกสาวของเธอเกือบต้องมาสังเวยชีวิตตัวเองเพราะคำแนะนำโง่ ๆ จากเพื่อนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่เด็กหญิงทั้งสองเองก็ช็อกและเสียใจมากเช่นกัน เมื่อแบรนดีพบเจอพวกเธอ เธอก็ไม่ได้ดุด่าอะไร และเข้าไปกอดปลอบโยนเด็กทั้งสอง
นอกจากนี้แล้ว แม้ว่าลูกสาวจะเป็นคนลงมือจุดไฟเผาตัวเอง แต่แบรนดีมองว่าต้นเหตุทุกอย่างคือคลิปวิดีโอในยูทูบ ที่เด็ก ๆ เข้าไปดูแล้วทำตาม จนกลายเป็นกระแสไวรัล ท้าทายเพื่อนฝูงให้ทำตามไปเรื่อย ๆ และเธอก็อยากแนะนำพ่อแม่ผู้ปกครองทุกคน ให้คอยดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด และเฝ้าระวังการใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อไม่ให้มีเหตุร้ายแบบนี้เกิดขึ้นอีก
"อยากให้ทุกคนพูดคุยกับลูกหลานอยู่เสมอ
คอยแนะนำพวกเขา
และต้องคอยจับตาดูอยู่ตลอดว่าลูกหลานทำอะไรบ้างบนโซเชียลมีเดีย
ได้เข้าไปดูไปเล่น หรือเจออะไรที่ไม่เหมาะสมหรือไม่
รวมทั้งพยายามกันพวกเขาออกจากยูทูบกับเฟซบุ๊ก เพราะในฐานะคนเป็นแม่
ฉันไม่อยากให้คุณแม่คนอื่น ๆ ต้องมาทุกข์ทนเหมือนกับฉัน" แบรนดี กล่าว