สบส. สรุปผลตรวจสอบโรงพยาบาลพระราม 2 โดนฟันคดีอาญา 5 กรณี โทษหนักถึงจำคุก ส่วนใหญ่ต้องให้ผู้ดำเนินการโรงพยาบาลรับผิดชอบ ด้านอีเจี๊ยบ เลียบด่วน โพสต์ บอกแล้วอย่าห้าวกับอัจฉริยะ
จากกรณี มีการเรียกร้องให้ตรวจสอบโรงพยาบาลพระราม 2 ปมปฏิเสธการรักษา น.ส.ช่อลัดดา ทาระวัน อายุ 38 ปี คนไข้ที่โดนน้ำกรดสาดจนเสียชีวิต ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ส่งหลักฐานให้ทางคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว และยืนยันว่าจะไม่ฟ้องกลับญาติของผู้ตาย (อ่านข่าว : รพ.พระราม 2 ชี้ส่งหลักฐานให้ กก. สอบแล้ว ยันไม่ฟ้องกลับญาติสาวถูกสาดน้ำกรด)
ล่าสุด (20
พฤศจิกายน 2561) เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า นพ.ณัฐวุฒิ
ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.)
แถลงข่าวผลการสอบสวนและสรุปการประชุมของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ซึ่งนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม
ได้พาญาติเหยื่อผู้เสียหายมาร่วมพูดคุยชี้แจงด้วย
และมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพระราม 2 โรงพยาบาลบางมด
รวมถึงคนนอกเข้าร่วมประชุมด้วย
กรณีที่ 1 ให้พยาบาลเป็นผู้ตรวจประเมินวินิจฉัยอาการผู้ป่วยโดยที่ไม่มีแพทย์ ทางคณะกรรมการเห็นว่าอาจจะเข้าข่ายเรื่องการไม่ควบคุมดูแล มิให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลผิดไปจากที่ได้ขออนุญาต โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท มีมติเป็นเอกฉันท์ให้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยจะดำเนินคดีในชั้นศาล เพราะมีโทษจำคุก
กรณีที่ 2 พยาบาลที่ให้การตรวจรักษาได้รายงานให้ผู้ดำเนินการทราบแล้ว จากนั้นผู้ดำเนินการได้สั่งรับผู้ป่วยไว้เป็นผู้ป่วยใน นั่นแสดงว่าผู้ป่วยต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ ทางคณะกรรมการมีมติว่า อาจจะเข้าข่ายไม่ควบคุมดูแลให้ผู้ประกอบวิชาชีพปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท มีมติให้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไปสู่กระบวนการยุติธรรมแก่ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล เช่นเดียวกับกรณีที่ 1
กรณีที่ 3 ไม่ให้การช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยฉุกเฉิน หรือตรวจคัดแยกผู้ป่วยตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ อาจจะเข้าข่ายความผิดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และ พ.ร.บ.สถานพยาบาล โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท คณะกรรมการมีมติให้เปรียบเทียบปรับ ผู้จะต้องถูกลงโทษในกรณีนี้คือ ผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการกับผู้ดำเนินการสถานพยาบาล
กรณีที่ 4 ไม่ได้ดูแลให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ป่วยที่อยู่ในสภาพอันตรายและจำเป็นต้องรักษาพยาบาลฉุกเฉิน อาจจะเข้าข่ายผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ไม่ได้ควบคุมการดูแลและเยียวยาผู้ป่วย โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท คณะกรรมการมีมติให้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ส่งศาลพิจารณาต่อไป ผู้กระทำความผิดคือผู้ได้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการสถานพยาบาล
กรณีที่ 5 เมื่อได้รับการช่วยเหลือเยียวยาและอ้างว่าผู้ป่วยประสงค์จะไปรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลอื่น เข้าข่ายการส่งต่อผู้ป่วยโดยไม่เหมาะสม โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท คณะกรรมการมีมติให้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ
โดย นพ.ณัฐวุฒิ กล่าวสรุปอีกครั้งว่า ที่ประชุมมีมติให้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ 4 กรณี เพราะมี 1 กรณีที่เปรียบเทียบปรับ แต่ผลการประชุมคณะกรรมการมีมติรวมให้แจ้งความร้องทุกข์ทั้งหมด โดยทางกองกฎหมายจะส่งเรื่องไปที่อธิบดี และทำตามมติของคณะกรรมการต่อไป โดยจะเริ่มดำเนินการร้องทุกข์กับตำรวจ สน.ท่าข้าม ในวันที่ 21 พฤศจิกายน จากนั้นตำรวจก็จะเริ่มเรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ปากคำต่อไป
ด้านเพจเฟซบุ๊ก อีเจี๊ยบ เลียบด่วน
ได้โพสต์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า บอกแล้วอย่าไปห้าวกับอัจฉริยะ
อย่าไปตบโต๊ะใส่แก โดนไปเลย 5 เรื่องเหนาะ ๆ
และนี่เป็นความผิดเฉพาะทางการแพทย์ จาก สบส. เท่านั้น ยังไม่รวมเรื่องอาคาร
สรรพากร และเรื่องฟ้องทางแพ่ง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
