จากข่าวที่ผู้เสียหายออกมาแฉนายแพทย์สูตินรีเวช ของคลินิกแห่งหนึ่งใน จ.นครสวรรค์ มีพฤติกรรมข่มขืนคนไข้ระหว่างตรวจภายใน และมีการเปิดเผยไลน์ที่หมอคนดังกล่าวโอนเงินให้ผู้เสียหาย 3 แสนบาท ซึ่งต่อมาทนายนิด้าเผยว่า มีผู้เสียหายกว่า 50 ราย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 รายการทุบโต๊ะข่าว รายงานว่า นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วย แพทย์หญิงของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ เดินทางไปยังคลินิกที่เกิดเหตุ โดยมีการคุยกับแพทย์ที่ตกเป็นข่าว พร้อมกับจำลองเหตุการณ์ ก่อนได้ข้อสรุปว่า มีความเป็นไปได้ที่แพทย์จะมีสิทธิ์ล่วงละเมิดทางเพศคนไข้ แต่หากคนไข้ถูกล่วงละเมิดจริงก็สามารถขอความช่วยเหลือได้ ตนจึงมองว่าอาจจะเป็นการสมยอมหรือไม่ ส่วนกรณีที่คนไข้ผู้เสียหายมีแผลช้ำบริเวณขานั้น ก็มีสิทธิ์เป็นไปได้ว่าเป็นแผลจากรอยช้ำจากการตรวจและถูกล่วงละเมิดทางเพศ
นายอัจฉริยะ เผยอีกว่า จากการสอบถาม หมอยอมรับว่าชอบคนไข้หญิงรายนี้ ซึ่งทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่เมื่อคนไข้มาติดต่อเพื่อเข้ารับการตรวจรักษาและมีการพูดคุย ซักประวัติ จึงเกิดความถูกใจและชอบพอกัน ที่ผ่านมา หมอและคนไข้เจอกันเพียง 3 ครั้ง โดยคนไข้มาตรวจภายใน 2 ครั้ง และเข้ามาพบหมออีก 1 ครั้ง กระทั่งเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ส่วนประเด็นเรื่องเงิน 3 แสนบาทนั้น เป็นเงินที่โอนให้ผู้เสียหายด้วยความเสน่หา
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ขณะที่แพทย์สูตินรีเวช ผู้ถูกกล่าวหา เปิดเผยว่า การตรวจรักษาภายในที่คลินิกนั้น เป็นการตรวจรักษาที่ต้องใช้เครื่องอัลตราซาวด์ ซึ่งจะมีการใช้ถุงยางอนามัยและสอดใส่เครื่องมือเข้าไป อาจจะทำให้คนไข้สัมผัสแล้วเข้าใจคลาดเคลื่อนก็เป็นได้ ส่วนกรณีที่ตนเรียกคนไข้ว่า "ที่รัก" บ่อยครั้งนั้น เป็นเพราะความเคยชิน อาจจะมีบ้างที่สัมผัสคนไข้เพราะอยากให้ความเป็นกันเอง ยืนยันว่าทุกอย่างคือกระบวนการรักษาคนไข้ทั้งหมด เพียงแต่คนไข้อาจจะเกิดความเข้าใจผิดก็เป็นไปได้
แพทย์รายดังกล่าว ยอมรับว่า โอนเงินให้กับผู้เสียหายจริง เนื่องจากเห็นว่าผู้เสียหายต้องการนำเงินไปสร้างบ้านให้แม่ โดยปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นการใช้เงินปกปิดความผิด ส่วนกรณีที่มีการเป่าลมที่หู กอด จูบนั้น ไม่ขอให้ข้อมูลหรือตอบคำถามในส่วนนี้
ด้าน น้องมด (นามสมมติ) ผู้เสียหายอีกรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ตนปวดท้องจึงไปคลินิกดังกล่าว ขณะนั้นตนตั้งครรภ์ได้ 1 เดือน ตอนเข้าตรวจหมอใช้เครื่องอัลตราซาวด์ใส่เข้าไปในช่องคลอด แต่สักพักหมอก็ถามว่า "มีอะไรกับแฟนบ่อยไหม ของแฟนใหญ่-ยาวไหม มีอะไรกัน แฟนทำแรงไหม" และตอนที่ถามคำถามเหล่านี้ กล้องอัลตราซาวด์ที่ตรวจก็จะขยับเข้า-ออกอยู่ตลอดเวลา
น้องมด เล่าอีกว่า จากนั้นหมอถามต่อว่า "ทำไมต้องโกนขนด้วย กลัวไม่สะอาดเหรอ" และ "ที่โกนเพราะว่าแฟนชอบเหรอ" จากนั้นหมอก็พูดว่า "ขออนุญาตนะ" พร้อมก้มลงไปดม โดยจมูกของหมอเกือบจะถูกอวัยวะเพศของตน ซึ่งหมอได้พูดว่า "ไม่ต้องกังวลนะ ของเราไม่มีกลิ่น" ทำให้ตนรู้สึกตกใจกับพฤติกรรมดังกล่าวมาก นอกจากนี้หมอยังขยับเข้ามาขึ้นคร่อมตัว และเอาหน้ามาเกือบจะถึงหน้าของตน พร้อมพูดว่า "หนูเป็นคนสวยนะ เวลามีอะไรกับแฟน คงเซ็กซี่น่าดูเลยเนาะ แฟนถึงทำแรงขนาดนี้" พร้อมกับยังแนะนำให้ตนมีอะไรกับแฟนบ่อย ๆ อ้างว่าจะทำให้ตัวอ่อนแข็งแรง เหมือนต้นไม้ได้รดน้ำ
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 รายการทุบโต๊ะข่าว รายงานว่า นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วย แพทย์หญิงของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ เดินทางไปยังคลินิกที่เกิดเหตุ โดยมีการคุยกับแพทย์ที่ตกเป็นข่าว พร้อมกับจำลองเหตุการณ์ ก่อนได้ข้อสรุปว่า มีความเป็นไปได้ที่แพทย์จะมีสิทธิ์ล่วงละเมิดทางเพศคนไข้ แต่หากคนไข้ถูกล่วงละเมิดจริงก็สามารถขอความช่วยเหลือได้ ตนจึงมองว่าอาจจะเป็นการสมยอมหรือไม่ ส่วนกรณีที่คนไข้ผู้เสียหายมีแผลช้ำบริเวณขานั้น ก็มีสิทธิ์เป็นไปได้ว่าเป็นแผลจากรอยช้ำจากการตรวจและถูกล่วงละเมิดทางเพศ
นายอัจฉริยะ เผยอีกว่า จากการสอบถาม หมอยอมรับว่าชอบคนไข้หญิงรายนี้ ซึ่งทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่เมื่อคนไข้มาติดต่อเพื่อเข้ารับการตรวจรักษาและมีการพูดคุย ซักประวัติ จึงเกิดความถูกใจและชอบพอกัน ที่ผ่านมา หมอและคนไข้เจอกันเพียง 3 ครั้ง โดยคนไข้มาตรวจภายใน 2 ครั้ง และเข้ามาพบหมออีก 1 ครั้ง กระทั่งเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ส่วนประเด็นเรื่องเงิน 3 แสนบาทนั้น เป็นเงินที่โอนให้ผู้เสียหายด้วยความเสน่หา
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ขณะที่แพทย์สูตินรีเวช ผู้ถูกกล่าวหา เปิดเผยว่า การตรวจรักษาภายในที่คลินิกนั้น เป็นการตรวจรักษาที่ต้องใช้เครื่องอัลตราซาวด์ ซึ่งจะมีการใช้ถุงยางอนามัยและสอดใส่เครื่องมือเข้าไป อาจจะทำให้คนไข้สัมผัสแล้วเข้าใจคลาดเคลื่อนก็เป็นได้ ส่วนกรณีที่ตนเรียกคนไข้ว่า "ที่รัก" บ่อยครั้งนั้น เป็นเพราะความเคยชิน อาจจะมีบ้างที่สัมผัสคนไข้เพราะอยากให้ความเป็นกันเอง ยืนยันว่าทุกอย่างคือกระบวนการรักษาคนไข้ทั้งหมด เพียงแต่คนไข้อาจจะเกิดความเข้าใจผิดก็เป็นไปได้
แพทย์รายดังกล่าว ยอมรับว่า โอนเงินให้กับผู้เสียหายจริง เนื่องจากเห็นว่าผู้เสียหายต้องการนำเงินไปสร้างบ้านให้แม่ โดยปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นการใช้เงินปกปิดความผิด ส่วนกรณีที่มีการเป่าลมที่หู กอด จูบนั้น ไม่ขอให้ข้อมูลหรือตอบคำถามในส่วนนี้
ด้าน น้องมด (นามสมมติ) ผู้เสียหายอีกรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ตนปวดท้องจึงไปคลินิกดังกล่าว ขณะนั้นตนตั้งครรภ์ได้ 1 เดือน ตอนเข้าตรวจหมอใช้เครื่องอัลตราซาวด์ใส่เข้าไปในช่องคลอด แต่สักพักหมอก็ถามว่า "มีอะไรกับแฟนบ่อยไหม ของแฟนใหญ่-ยาวไหม มีอะไรกัน แฟนทำแรงไหม" และตอนที่ถามคำถามเหล่านี้ กล้องอัลตราซาวด์ที่ตรวจก็จะขยับเข้า-ออกอยู่ตลอดเวลา
น้องมด เล่าอีกว่า จากนั้นหมอถามต่อว่า "ทำไมต้องโกนขนด้วย กลัวไม่สะอาดเหรอ" และ "ที่โกนเพราะว่าแฟนชอบเหรอ" จากนั้นหมอก็พูดว่า "ขออนุญาตนะ" พร้อมก้มลงไปดม โดยจมูกของหมอเกือบจะถูกอวัยวะเพศของตน ซึ่งหมอได้พูดว่า "ไม่ต้องกังวลนะ ของเราไม่มีกลิ่น" ทำให้ตนรู้สึกตกใจกับพฤติกรรมดังกล่าวมาก นอกจากนี้หมอยังขยับเข้ามาขึ้นคร่อมตัว และเอาหน้ามาเกือบจะถึงหน้าของตน พร้อมพูดว่า "หนูเป็นคนสวยนะ เวลามีอะไรกับแฟน คงเซ็กซี่น่าดูเลยเนาะ แฟนถึงทำแรงขนาดนี้" พร้อมกับยังแนะนำให้ตนมีอะไรกับแฟนบ่อย ๆ อ้างว่าจะทำให้ตัวอ่อนแข็งแรง เหมือนต้นไม้ได้รดน้ำ