ตำรวจรวบน้าชายและเพื่อนบ้าน หลังข่มขืนหลานสาววัย 13 ปี ที่ป่วยออทิสติก เพื่อนบ้านสารภาพข่มขืนจริง แต่ตัวน้าชายยังปฏิเสธ แถมขู่หากพ้นโทษจะฆ่ายกครัว ญาติเผยเมายาบ้าอาละวาดประจำ จนต้องย้ายบ้านหนี
![ข่มขืนหลานสาวออทิสติก]( "ข่มขืนหลานสาวออทิสติก")
โดยนายทวิพงษ์ รับสารภาพว่าข่มขืน ด.ญ.เอ จำนวน 3 ครั้ง อ้างว่าก่อเหตุเพราะความเมา จึงเกิดอารมณ์ทางเพศ ทางตำรวจจึงนำตัวนายทวิพงษ์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ส่วนนายสุวิน น้าชายแท้ ๆ ยังคงปฏิเสธ แต่ตำรวจได้คุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะมั่นใจในพยานหลักฐาน ประกอบกับนายทวิพงษ์ให้การซัดทอดว่า นายสุวินเคยเล่าให้ฟังว่าเคยข่มขืน ด.ญ.เอ หลานตัวเอง
ด้าน ด.ญ.เอ
ผู้เสียหาย เล่าว่า ครั้งแรกที่ถูกนายสุวิน น้าชาย ข่มขืนกระทำชำเรา
คือช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2561 โดยวันเกิดเหตุมีน้าชายอยู่บ้านคนเดียว
ส่วนยาย พี่ชาย และพี่สาว ย้ายไปอยู่อีกหมู่บ้าน เพราะกลัวนายสุวินจะทำร้าย
เนื่องจากติดยาเสพติดและชอบอาละวาด
![ข่มขืนหลานสาวออทิสติก]( "ข่มขืนหลานสาวออทิสติก")
โดยขณะที่ตนเองกลับไปเอารองเท้าที่บ้านนั้น
นายสุวินได้ใช้มีดจี้ที่เอวแล้วบังคับให้เดินไปในห้อง
จากนั้นบังคับให้ถอดเสื้อผ้าแล้วลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่
และด้วยความกลัวตนจึงไม่กล้าขัดขืนและไม่กล้าบอกใคร
ต่อมา ช่วงกลางเดือนตุลาคม 2561 ตนปั่นจักรยานเล่นในหมู่บ้านตามปกติ ขณะผ่านหน้าบ้านนายทวิพงษ์ ก็เห็นนายทวิพงษ์ออกมายืนขวางตน แล้วบังคับให้เข้าบ้าน ใช้กำลังบังคับข่มขืน หลังข่มขืนเสร็จ นายทวิพงษ์ก็ให้เงิน 200 บาท ก่อนที่ตนจะปั่นจักรยานกลับบ้าน แต่ก็ยังไม่กล้าบอกใครเพราะกลัวถูกทำร้าย กระทั่งพี่สาวมาเค้นถามจึงตัดสินใจบอกความจริง
![ข่มขืนหลานสาวออทิสติก]( "ข่มขืนหลานสาวออทิสติก")
ขณะที่ พ่อของผู้เสียหาย กล่าวว่า ที่ผ่านมา
ครอบครัวก็เอือมระอากับพฤติกรรมของนายสุวิน
เพราะนอกจากจะไม่ทำงานแล้วยังติดยาเสพติด มักคลุ้มคลั่งอาละวาดคนในบ้าน
เคยทำร้ายภรรยาตนหลายครั้ง จนต้องให้ครอบครัวย้ายไปอยู่บ้านญาติ ทั้งนี้
เคยแจ้งตำรวจจับหลายครั้งแล้ว แต่พอออกมาก็มีพฤติกรรมเดิม ๆ
ซึ่งตอนตำรวจมาจับครั้งนี้ นายสุวินยังขู่อาฆาตว่า
หากพ้นโทษออกมาจะฆ่าให้ตายทั้งบ้าน ตนกลัวครอบครัวจะไม่ปลอดภัย
ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2561 ข่าวเวิร์คพอยท์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ จับกุมตัว
นายทวิพงษ์ พูนสังข์ หรือ ติ๊ก อายุ 37 ปี และ นายสุวิน นุชสาย หรือ น็อต
อายุ 25 ปี ชาวบ้านน้ำใส ต.อิสาณ อ.เฉลิมพระเกียรติ หลังจาก น.ส.เมย์
(นามสมมติ) อายุ 22 ปี ได้เข้าแจ้งความว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ข่มขืน ด.ญ.เอ
(นามสมมติ) อายุ 13 ปี น้องสาวซึ่งป่วยเป็นออทิสติก โดยนายสุวิน
เป็นน้าชายแท้ ๆ ของ ด.ญ.เอ ส่วนนายทวิพงษ์ เป็นเพื่อนบ้าน
โดยนายทวิพงษ์ รับสารภาพว่าข่มขืน ด.ญ.เอ จำนวน 3 ครั้ง อ้างว่าก่อเหตุเพราะความเมา จึงเกิดอารมณ์ทางเพศ ทางตำรวจจึงนำตัวนายทวิพงษ์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ส่วนนายสุวิน น้าชายแท้ ๆ ยังคงปฏิเสธ แต่ตำรวจได้คุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะมั่นใจในพยานหลักฐาน ประกอบกับนายทวิพงษ์ให้การซัดทอดว่า นายสุวินเคยเล่าให้ฟังว่าเคยข่มขืน ด.ญ.เอ หลานตัวเอง
ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
ต่อมา ช่วงกลางเดือนตุลาคม 2561 ตนปั่นจักรยานเล่นในหมู่บ้านตามปกติ ขณะผ่านหน้าบ้านนายทวิพงษ์ ก็เห็นนายทวิพงษ์ออกมายืนขวางตน แล้วบังคับให้เข้าบ้าน ใช้กำลังบังคับข่มขืน หลังข่มขืนเสร็จ นายทวิพงษ์ก็ให้เงิน 200 บาท ก่อนที่ตนจะปั่นจักรยานกลับบ้าน แต่ก็ยังไม่กล้าบอกใครเพราะกลัวถูกทำร้าย กระทั่งพี่สาวมาเค้นถามจึงตัดสินใจบอกความจริง
ทางด้าน
น.ส.เมย์ พี่สาวผู้เสียหาย เผยว่า หลังทราบความจริง
ตนตกใจมากเพราะไม่คิดว่าน้าชายแท้ ๆ ที่กินข้าวหม้อเดียวกันมา
จะทำกับน้องสาวที่ป่วยออทิสติกได้ลงคอ และยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
อย่าไรก็ตาม ตำรวจได้แจ้งข้อหาพรากพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี
ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง, กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี
ซึ่งมิใช่ภรรยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
