ออกหมายจับ กำนันเซี้ยะ-เมีย เบี้ยวนัดฟังฎีกา ปมรุกที่ธนารักษ์ ปี 44-45

ศาลออกหมายจับ กำนันเซี้ยะ และภรรยา เหตุเบี้ยวนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ปมรุกที่ธนารักษ์ ปี 2544-2545 เลื่อนนัดเป็น 17 มกราคม 2562 เผยมีหมายศาลตามตัวรับโทษจำคุกอีกเพียบ !

วันที่ 7 ธันวาคม 2561 ไทยโพสต์ รายงานว่า ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายประชา โพธิพิพิธ หรือ กำนันเซี้ยะ อายุ 75 ปี ผู้กว้างขวางใน จ.กาญจนบุรี และนางเขมพร ต่างใจเย็น ภรรยา อายุ 52 ปี เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกและยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐในความครอบครองดูแลของรัฐ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ และให้จำเลยทั้งสองกับบริวารออกจากที่ดินพิพาทด้วย

ภาพจาก ไทยโพสต์

กรณีวันที่ 29 พฤศจิกายน 2544 - 8 กุมภาพันธ์ 2545 ทั้งสองร่วมกันบุกรุกและยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ มากกว่า 50 ไร่ ที่หมู่ 2 ต.ช่องด่าน และหมู่ 2 ต.หลุมรัง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักงานธนารักษ์ จ.กาญจนบุรี โดยแผ้วถางป่าและไถปรับพื้นที่ทำถนน สร้างบ้านพักอาศัย บ้านพักคนงานและคอกปศุสัตว์ โดยไม่มีสิทธิ์และไม่ได้รับอนุญาต โดยอัยการโจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2554 ฐานร่วมกันเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ เป็นเนื้อที่เกินกว่า 50 ไร่, ฐานร่วมกันเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ และฐานร่วมกันเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ ซึ่งจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีมาโดยตลอดว่าไม่มีเจตนาบุกรุกที่ดินพิพาทดังกล่าว

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2558 ให้จำเลยทั้งสองจำคุก คนละ 11 ปี 4 เดือน และให้จำเลยทั้งสอง รวมทั้งบริวารออกจากที่ดินดังกล่าว นอกจากนี้ ให้นับโทษนายประชา จำเลยที่ 1 รวมกับกรณีบุกรุกที่ดิน อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ที่ศาลอาญาให้จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญาด้วย ขณะที่จำเลยยื่นอุทธรณ์คดี ซึ่งระหว่างอุทธรณ์จำเลยทั้งสองได้ประกันตัวคนละ 1 ล้านบาท และมีการเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึง 2 ครั้ง เนื่องจากจำเลยไม่มาศาล

          กระทั่งวันที่ 8 สิงหาคม 2559 ศาลได้อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย โดยศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสอง เนื่องจากพฤติการณ์มีเหตุให้จำเลยทั้งสองเข้าใจโดยสุจริตว่าจำเลยมีสิทธิ์ที่จะกระทำได้ จึงขาดเจตนาในการกระทำผิดฐานบุกรุกเข้าไปยึดครองที่ดินของรัฐ จำเลยจึงไม่ผิดตามฟ้อง

          ต่อมาอัยการโจทก์จึงยื่นฎีกา ซึ่งศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาฎีกาครั้งแรก ในวันนี้ (7 ธันวาคม 2561) แต่เมื่อถึงเวลานัดปรากฏว่าจำเลยไม่มา ศาลจึงเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาออกไปเป็นวันที่ 17 มกราคม 2562 เวลา 09.00 น. โดยให้ออกหมายจับติดตามตัวจำเลยทั้งสองมาฟังคำพิพากษาฎีกาตามกำหนดนัดดังกล่าว

          โดยหากถึงกำหนดนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาแล้ว ทั้งสองไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าศาล ตามกฎหมายเมื่อศาลออกหมายจับให้ติดตามตัวภายใน 1 เดือน แล้วยังติดตามตัวจำเลยไม่ได้ ศาลก็จะพิจารณาอ่านคำพิพากษาลับหลัง โดยไม่มีตัวจำเลยได้ต่อไป

          รายงานข่าวระบุด้วยว่า นายประชาและนางเขมพร ปัจจุบันมีหมายจับติดตัวในคดีที่ต้องตามจับตัวมารับโทษ คดีฮั้วประมูลโครงการต่าง ๆ ใน จ.กาญจนบุรี ปี 2542-2544 ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษาที่ถือเป็นที่สุด เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2559 ให้จำคุกนายประชา 5 ปี และนางเขมพร 4 ปี

          ขณะที่นายประชาได้ถูกหมายจับ ตามตัวมารับโทษคดีที่อัยการฟ้องบุกรุกที่ราชพัสดุ พื้นที่ ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี และพื้นที่ ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ต่อเนื่องทั้งหมด รวมเนื้อที่ทั้งหมด 1,199 ไร่ 2 ตารางวา 84 งาน อีกด้วย ซึ่งมีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2560 ให้จำคุกนายประชา 2 ปี 8 เดือน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก