แม่แชร์เรื่องชวนตื้นตันใจ ขณะพาลูกป่วยหนักขึ้นเครื่องบิน พร้อมอุปกรณ์ให้ออกซิเจน ไม่คาดคิดจะได้รับน้ำใจจากคนแปลกหน้า เมื่อมีคนสละที่นั่งเฟิร์สคลาสให้
สำหรับแม่คนหนึ่งที่ต้องเดินทางโดยเครื่องบินพร้อมกับลูกน้อย มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกน้อยกำลังป่วยหนัก การจะต้องขนทั้งรถเข็นเด็ก กระเป๋าผ้าอ้อม พร้อมด้วยถังออกซิเจน ขึ้นเครื่องไปด้วย ทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่ทริปที่สะดวกสบายนัก แต่ด้วยความเอื้ออาทรที่ได้รับมาอย่างไม่คาดฝันจากชายแปลกหน้า ก็ได้เปลี่ยนเที่ยวบินดังกล่าวให้กลายเป็นการเดินทางแสนประทับใจ
โดยเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2561 เว็บไซต์ ladbible.com รายงานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่ เคลซีย์ แร ซวิก ผู้โดยสารของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส กำลังพา ลูซี่ ลูกสาววัย 11 เดือน ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง เดินทางจากเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา มุ่งหน้าไปยังเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย เพื่อไปพบแพทย์ยังโรงพยาบาลเด็กฟิลาเดลเฟีย
เนื่องด้วยอาการป่วยของลูกสาวทำให้เธอสามารถขึ้นเครื่องได้ก่อนผู้โดยสารทั่วไป ซึ่งเคลซีย์ก็จัดการขนข้าวของต่าง ๆ ขึ้นมานั่งตรงที่นั่งริมหน้าต่างที่จองไว้อย่างเรียบร้อย แต่เธอไม่คิดเลยว่าหลังจากนั้น พนักงานต้อนรับบนเครื่องจะเดินเข้ามาหาเธอ แจ้งให้เธอทราบว่ามีผู้โดยสารบนชั้นเฟิร์สคลาส ต้องการเปลี่ยนที่นั่งด้วย
ในขณะที่มันยากจะเชื่อว่าอยู่ ๆ จะมีใครสักคนยอมสละที่นั่งอันแสนสบายในชั้นเฟิร์สคลาส แลกกับที่นั่งในชั้นประหยัด แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วด้วยความเอื้ออาทรจากคนแปลกหน้า ซึ่งนั่นก็ทำให้เคลซีย์รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นที่สุด เธอจึงตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวมาโพสต์ลงเฟซบุ๊ก หวังให้โลกออนไลน์ส่งผ่านคำขอบคุณของเธอไปถึงชายผู้ใจดีคนนั้น
โดย เคลซีย์ ระบุว่า "ถึงผู้ชายตรงที่นั่ง 2D วันนี้คุณได้เดินทางจากออร์แลนโด ไปยังฟิลาเดลเฟีย ฉันไม่รู้จักคุณก็จริง แต่คิดว่าคุณคงเห็นเราจากที่ไหนสักแห่ง ขณะที่ฉันกำลังดันรถเข็นเด็ก สะพายกระเป๋าใส่ผ้าอ้อม และหอบหิ้วอุปกรณ์ให้ออกซิเจนของลูกสาว เรามีรอยยิ้มอยู่บนหน้าขณะกำลังจะเดินทางไปหาเพื่อนของหนูน้อยคนนี้ที่โรงพยาบาล เราได้ขึ้นเครื่องก่อน นำข้าวของมายังที่นั่งริมหน้าต่าง และกำลังเล่นมุกกับผู้โดยสารคนอื่น ๆ รอบตัวเรา ว่าพวกเขาต้องนั่งอยู่ข้างทารกน้อยที่ส่งเสียงดังแต่มีความสุขคนนี้ ตอนนั้นเองที่พนักงานต้อนรับเดินมาบอกฉัน ว่าคุณต้องการแลกที่นั่งด้วย คุณได้มอบที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสอันสะดวกสบายของคุณให้แก่เรา
โดยไม่อาจกลั้นน้ำตาได้ ฉันร้องไห้ระหว่างกำลังเดินไป ขณะที่ลูกสาวของฉันยังส่งเสียงหัวเราะอย่างเริงร่า เธอสัมผัสได้เช่นกันถึงความใจดีแสนบริสุทธิ์นี้ ฉันมีรอยยิ้มและรู้สึกขอบคุณ แต่ยังไม่ได้กล่าวคำขอบคุณแก่คุณอย่างเหมาะสม
ดังนั้น.. ขอบคุณค่ะ ไม่เพียงแค่เรื่องที่นั่ง แต่รวมถึงการที่คุณสังเกตเห็นเรา สำหรับการที่คุณรู้ว่าสิ่งต่าง ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเรา สำหรับการตัดสินใจแสดงน้ำใจของคุณ มันย้ำเตือนเราให้รู้ว่ายังมีเรื่องดี ๆ อยู่บนโลกใบนี้ ฉันแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะเล่าเรื่องนี้ให้ลูซี่ฟังในสักวันหนึ่ง"
และดูเหมือนความหวังของเคลซีย์จะเกิดขึ้นจริง เมื่อโพสต์ของเธอถูกผู้คนมากมายแชร์ต่อไปกว่า 4.4 แสนครั้ง พร้อมกดไลก์อีกกว่า 7 แสนครั้ง ขณะที่เว็บไซต์เดลี่เมล ก็ได้ติดตามหาตัวชายใจดีปริศนาผู้นี้จนพบ โดยเผยว่าชายคนนี้ก็คือ เจสัน คุนเซลแมน วัย 46 ปี วิศวกรอุตสาหการที่กำลังจะเดินทางกลับบ้านหลังจบโปรเจกต์ที่รัฐฟลอริดา ซึ่งเขาได้สังเกตเห็นคุณแม่พร้อมกับลูกสาวขณะกำลังรอขึ้นเครื่องเที่ยวบินดังกล่าว
เจสัน เผยว่า เขาเห็นว่าหญิงคนนี้มีอุปกรณ์ให้ออกซิเจนสำหรับลูกสาว ซึ่งไม่สามารถนำไปเก็บไว้ตรงชั้นวางของเหนือศีรษะได้ ทำให้เธอต้องถือมันตลอดเวลา ภาพของเด็กน้อยและถังออกซิเจนของเธอทำให้เขาสะเทือนใจจนน้ำตาริน และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขายอมสละที่นั่งของตัวเองแก่แม่ลูกคู่นี้
"ผมหวังจะได้เห็นพวกเธอนั่งอยู่ตรงที่นั่งด้านหน้า เพราะเธอมีอุปกรณ์ให้ออกซิเจน แต่ตอนที่ผมขึ้นเครื่องกลับเห็นพวกเธออยู่ที่ด้านหลังของเครื่องบิน ผมเลยถามพนักงานต้อนรับว่า สาวน้อยพร้อมกับทารกจะสบายขึ้นกว่านี้ไหม ถ้ามานั่งในที่นั่งของผม ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางกว่า" เจสัน กล่าว
และแม้ว่าในตอนนั้นเคลซีย์จะยังไม่ได้กล่าวคำขอบคุณต่อเจสัน แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเธอตั้งแต่ตอนที่เธอพาลูกสาวเดินมายังที่นั่งของเขาแล้ว เขาเห็นน้ำตาแห่งความตื้นตันของเธอ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาตื้นตันและกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เช่นกัน
ทั้งนี้ การแสดงน้ำใจของเจสันได้นำพาความรู้สึกตื้นตันมาสู่ผู้คนมากมาย ทั้งผู้โดยสารคนอื่น ๆ บนเครื่องบินที่ได้อยู่ในเหตุการณ์เดียวกันนั้น พร้อมด้วยชาวเน็ตที่ได้ทราบเรื่องราวของเขา และก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องราวของการให้ในครั้งนี้ จะถือเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่ทำให้ผู้คนมากมายต่างก็สุขใจไปด้วยกัน
สำหรับแม่คนหนึ่งที่ต้องเดินทางโดยเครื่องบินพร้อมกับลูกน้อย มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกน้อยกำลังป่วยหนัก การจะต้องขนทั้งรถเข็นเด็ก กระเป๋าผ้าอ้อม พร้อมด้วยถังออกซิเจน ขึ้นเครื่องไปด้วย ทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่ทริปที่สะดวกสบายนัก แต่ด้วยความเอื้ออาทรที่ได้รับมาอย่างไม่คาดฝันจากชายแปลกหน้า ก็ได้เปลี่ยนเที่ยวบินดังกล่าวให้กลายเป็นการเดินทางแสนประทับใจ
โดยเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2561 เว็บไซต์ ladbible.com รายงานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่ เคลซีย์ แร ซวิก ผู้โดยสารของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส กำลังพา ลูซี่ ลูกสาววัย 11 เดือน ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง เดินทางจากเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา มุ่งหน้าไปยังเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย เพื่อไปพบแพทย์ยังโรงพยาบาลเด็กฟิลาเดลเฟีย
เนื่องด้วยอาการป่วยของลูกสาวทำให้เธอสามารถขึ้นเครื่องได้ก่อนผู้โดยสารทั่วไป ซึ่งเคลซีย์ก็จัดการขนข้าวของต่าง ๆ ขึ้นมานั่งตรงที่นั่งริมหน้าต่างที่จองไว้อย่างเรียบร้อย แต่เธอไม่คิดเลยว่าหลังจากนั้น พนักงานต้อนรับบนเครื่องจะเดินเข้ามาหาเธอ แจ้งให้เธอทราบว่ามีผู้โดยสารบนชั้นเฟิร์สคลาส ต้องการเปลี่ยนที่นั่งด้วย
ในขณะที่มันยากจะเชื่อว่าอยู่ ๆ จะมีใครสักคนยอมสละที่นั่งอันแสนสบายในชั้นเฟิร์สคลาส แลกกับที่นั่งในชั้นประหยัด แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วด้วยความเอื้ออาทรจากคนแปลกหน้า ซึ่งนั่นก็ทำให้เคลซีย์รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นที่สุด เธอจึงตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวมาโพสต์ลงเฟซบุ๊ก หวังให้โลกออนไลน์ส่งผ่านคำขอบคุณของเธอไปถึงชายผู้ใจดีคนนั้น
โดย เคลซีย์ ระบุว่า "ถึงผู้ชายตรงที่นั่ง 2D วันนี้คุณได้เดินทางจากออร์แลนโด ไปยังฟิลาเดลเฟีย ฉันไม่รู้จักคุณก็จริง แต่คิดว่าคุณคงเห็นเราจากที่ไหนสักแห่ง ขณะที่ฉันกำลังดันรถเข็นเด็ก สะพายกระเป๋าใส่ผ้าอ้อม และหอบหิ้วอุปกรณ์ให้ออกซิเจนของลูกสาว เรามีรอยยิ้มอยู่บนหน้าขณะกำลังจะเดินทางไปหาเพื่อนของหนูน้อยคนนี้ที่โรงพยาบาล เราได้ขึ้นเครื่องก่อน นำข้าวของมายังที่นั่งริมหน้าต่าง และกำลังเล่นมุกกับผู้โดยสารคนอื่น ๆ รอบตัวเรา ว่าพวกเขาต้องนั่งอยู่ข้างทารกน้อยที่ส่งเสียงดังแต่มีความสุขคนนี้ ตอนนั้นเองที่พนักงานต้อนรับเดินมาบอกฉัน ว่าคุณต้องการแลกที่นั่งด้วย คุณได้มอบที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสอันสะดวกสบายของคุณให้แก่เรา
โดยไม่อาจกลั้นน้ำตาได้ ฉันร้องไห้ระหว่างกำลังเดินไป ขณะที่ลูกสาวของฉันยังส่งเสียงหัวเราะอย่างเริงร่า เธอสัมผัสได้เช่นกันถึงความใจดีแสนบริสุทธิ์นี้ ฉันมีรอยยิ้มและรู้สึกขอบคุณ แต่ยังไม่ได้กล่าวคำขอบคุณแก่คุณอย่างเหมาะสม
ดังนั้น.. ขอบคุณค่ะ ไม่เพียงแค่เรื่องที่นั่ง แต่รวมถึงการที่คุณสังเกตเห็นเรา สำหรับการที่คุณรู้ว่าสิ่งต่าง ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเรา สำหรับการตัดสินใจแสดงน้ำใจของคุณ มันย้ำเตือนเราให้รู้ว่ายังมีเรื่องดี ๆ อยู่บนโลกใบนี้ ฉันแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะเล่าเรื่องนี้ให้ลูซี่ฟังในสักวันหนึ่ง"
และดูเหมือนความหวังของเคลซีย์จะเกิดขึ้นจริง เมื่อโพสต์ของเธอถูกผู้คนมากมายแชร์ต่อไปกว่า 4.4 แสนครั้ง พร้อมกดไลก์อีกกว่า 7 แสนครั้ง ขณะที่เว็บไซต์เดลี่เมล ก็ได้ติดตามหาตัวชายใจดีปริศนาผู้นี้จนพบ โดยเผยว่าชายคนนี้ก็คือ เจสัน คุนเซลแมน วัย 46 ปี วิศวกรอุตสาหการที่กำลังจะเดินทางกลับบ้านหลังจบโปรเจกต์ที่รัฐฟลอริดา ซึ่งเขาได้สังเกตเห็นคุณแม่พร้อมกับลูกสาวขณะกำลังรอขึ้นเครื่องเที่ยวบินดังกล่าว
เจสัน เผยว่า เขาเห็นว่าหญิงคนนี้มีอุปกรณ์ให้ออกซิเจนสำหรับลูกสาว ซึ่งไม่สามารถนำไปเก็บไว้ตรงชั้นวางของเหนือศีรษะได้ ทำให้เธอต้องถือมันตลอดเวลา ภาพของเด็กน้อยและถังออกซิเจนของเธอทำให้เขาสะเทือนใจจนน้ำตาริน และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขายอมสละที่นั่งของตัวเองแก่แม่ลูกคู่นี้
"ผมหวังจะได้เห็นพวกเธอนั่งอยู่ตรงที่นั่งด้านหน้า เพราะเธอมีอุปกรณ์ให้ออกซิเจน แต่ตอนที่ผมขึ้นเครื่องกลับเห็นพวกเธออยู่ที่ด้านหลังของเครื่องบิน ผมเลยถามพนักงานต้อนรับว่า สาวน้อยพร้อมกับทารกจะสบายขึ้นกว่านี้ไหม ถ้ามานั่งในที่นั่งของผม ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางกว่า" เจสัน กล่าว
และแม้ว่าในตอนนั้นเคลซีย์จะยังไม่ได้กล่าวคำขอบคุณต่อเจสัน แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเธอตั้งแต่ตอนที่เธอพาลูกสาวเดินมายังที่นั่งของเขาแล้ว เขาเห็นน้ำตาแห่งความตื้นตันของเธอ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาตื้นตันและกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เช่นกัน
ทั้งนี้ การแสดงน้ำใจของเจสันได้นำพาความรู้สึกตื้นตันมาสู่ผู้คนมากมาย ทั้งผู้โดยสารคนอื่น ๆ บนเครื่องบินที่ได้อยู่ในเหตุการณ์เดียวกันนั้น พร้อมด้วยชาวเน็ตที่ได้ทราบเรื่องราวของเขา และก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องราวของการให้ในครั้งนี้ จะถือเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่ทำให้ผู้คนมากมายต่างก็สุขใจไปด้วยกัน
