บทสนทนาข้างชาวบ้านของอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ถึงการชวนเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี ที่บอกเรื่องราวความสวยงามของธรรมชาติผ่านผู้คน สถานที่ และความเป็นตัวตนอัตลักษณ์ท้องถิ่น
"เรามีนักท่องเที่ยวมากกว่า 35 ล้านคน รายได้มากกว่า 3 ล้านล้านบาท คำถามคือทุกวันนี้... ชุมชนชาวบ้านได้ประโยชน์อะไร" ท่านนิสิต จันทร์สมวงศ์อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ตั้งคำถามขึ้น ในฐานะอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน แน่นอนว่าบทบาทหน้าที่สำคัญก็คือ การพัฒนาชุมชน แต่ในขณะที่ประเทศไทยมีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว แบ่งเป็นชาวต่างชาติมากกว่า 35 ล้านคน ส่วนคนไทยอยู่ที่ราว 60 ล้านคน ซึ่งกระจุกอยู่แหล่งท่องเที่ยวเมืองหลัก
เราเห็นคนโพสต์รูปสถานที่สวยงามมากมายลงบนโซเชียลมีเดีย เราทะเลหมอกสีขาวที่ยากจะจับต้อง เราเห็นท้องทะเลสีฟ้ากลางอันดามัน การสร้างจิตภาพรูปแบบโรมานซ์ โดยลืมไปแล้วว่า ยังมีความสวยงามของชุมชนโดยรอบโอบล้อมเบื้องหลังภาพถ่ายเหล่านั้น
"คำตอบ คือ การท่องเที่ยวเชิง OTOP นวัตวิถี"
บทเรียนจากอ่าวมาหยา สู่โจทย์สุดท้าทายแก้ปัญหากระจายรายได้ฐานราก ด้วยการท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี วันนี้เรามีนัดพูดคุยกับหัวเรือใหญ่ของโครงการ
OTOP นวัตวิถี
วันนี้เรามีนัดพูดคุยกับหัวเรือใหญ่ของโครงการ OTOP นวัตวิถี ท่านนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเหรียญที่สวยงาม แต่ยังไม่มีใครได้สัมผัส เมื่อเบื้องหลังธรรมชาติยอดนิยมยังมีวิถีชุมชนที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่า วัฒนธรรม โดยเฉพาะความเป็นธรรมชาติที่ไม่เคยถูกถ่ายทอด
ปัญหาที่ผ่านมาคืออะไร ?
ทางแก้ปัญหาจากการท่องเที่ยวจึงไม่ใช่การไล่นักท่องเที่ยวเสียทีเดียว แต่ต้องสร้างการรับรู้ให้พวกเขาเข้าใจ รู้จัก เราเรียกสถานที่เหล่านั้นกันว่า 'แอ่งเล็ก' ไม่ได้หมายถึงสถานที่เล็ก แต่เป็นสถานที่ที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเราเรียก 'แอ่งใหญ่'
ประเทศไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่ารักธรรมชาติอันสมบูรณ์ อย่างชุมชนท่องเที่ยวเขาผิงกันทางรัฐบาลก็อาศัยการท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้การท่องเที่ยวแอ่งใหญ่ มานำเสนอความงามและกระจายสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งใหม่ให้คนได้รู้จักมากขึ้น
การท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยต้นทุนทางวัฒนธรรมและต้นทุนทางวิถีชีวิต?
"แน่นอนว่า แหล่งท่องเที่ยวพวกนี้ยังไม่เคยถูกพบ บางพื้นที่มีธรรมชาติที่สวยงาม เช่น บ้านบ่อเจ็ดลูก บ้านตะโล๊ะใส จังหวัดสตูล บางพื้นที่มีอุทยานธรณีวิทยาโลก เช่น บ้านพระบาทห้วยต้ม บางพื้นที่มีสะพานข้ามการเวลา อย่างชาวเผ่าปกาเกอะญอ" หากหาข้อมูลเพิ่มเติมจะพบว่า เผ่า 'ปกาเกอะญอ' เป็นคนท้องถิ่นที่อยู่กับธรรมชาติกลางหุบเขาสลับซับซ้อนในสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ พวกซ่อนตัวอย่างสันโดษแต่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการรักษาป่าไม้ ทั้งหมดเป็นความงามทางวัฒนธรรมของไทยที่รอทุกคนไปเรียนรู้
ชุมชนทั้งหมดมีความแตกต่างกันไปแล้วแต่ชุมชน นอกจากนี้บางชุมชนก็เป็นตลาด เช่น ชุมชนนวัตวิถีที่พุแค ตลาดหัวปลี เป็นตลาดแห่งการท่องเที่ยวค้าขาย "เห็นไหมว่า ชุมชนมีทุนทางวัฒนธรรม ทุนทางเศษฐกิจ ทุนทางวิถีชีวิต นักท่องเที่ยวก็ได้วิถีการท่องเที่ยวแห่งใหม่"
เปลี่ยนจากคำว่าสินค้าชุมชน OTOP ธรรมดา มาเป็นการท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี?
ใช่ครับ เราพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนนวัตวิถี จากคำว่าสินค้าชุมชน OTOP ธรรมดา มาเป็นโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีโดยสินค้า OTOP เป็นตัวส่งเสริมให้การท่องเที่ยวชุมชนมีเสน่ห์มากขึ้น ซึ่งเป็นการกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำของคนในท้องถิ่นทำให้คนในชุมชนได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยว
รัฐบาลพยายามขับเคลื่อนการท่องเที่ยวผ่านภูมิปัญญาวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ชุมชน เพื่อให้คนท้องถิ่นได้รับประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าขาย ผลิตภัณฑ์ชุมชน การนอนพักโฮมสเตย์ การจำหน่ายอาหาร การแสดงทางวัฒนธรรมต่างๆ เป็นแพ็คเก็จทัวร์ครบวงจรในชุมชน โดยก่อนหน้านั้นจะมีการส่งเสริมให้คนในชุมชน มีความรู้ทักษะดูแลนักท่องเที่ยว ในการที่จะจัดการการชุมชนเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว พร้อมแผนการท่องเที่ยวมีข้อปฏิบัติจะพัฒนาชุมชนได้อย่างไร อีกทั้งยังสร้างความร่วมมือกับทั้งราชการและเอกชน ให้ความรู้ชุมชนที่ไม่เคยมีความรู้ในการท่องเที่ยวให้มีความรู้ในการรับมือได้ และทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวมาแล้วสะดวกสบายและปลอดภัย
"รัฐบาลจะช่วยตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
และเป็นการลดความเหลื่อมล้ำของแหล่งท่องเที่ยว วันนี้เราต้องเชื่อมโยงเป็นมิติการท่องเที่ยวพื้นที่ใหญ่ไปสู่การท่องเที่ยวพื้นที่เล็ก
อย่างเช่น จังหวัดเชียงรายไปวัดร่องขุนแล้วก็ไปแวะดื่มกาแฟ
ของหมู่บ้านชาวอาข่าที่ปลูกกันบนดอย เราต้องเชื่อมโยงกันแบบนี้
หรือแม้แต่ไปเที่ยวอุทยานทางธรณีวิทยาโลกก่อนลงเรือเราก็ไปแวะที่บ้านตะโล๊ะใส
เป็นชุมชนที่ทำแบรนด์ปาลิโอ เป็นลายฟอสซิล
สร้างการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวแอ่งเล็กไปแอ่งใหญ่หรือแอ่งใหญ่ไปแอ่งเล็ก" จะเชื่อมโยงได้นักท่องเที่ยวต้องรู้จัก
กรมพัฒนาชุมชนจึงมานั่งคุยกับทุกคนอยู่ตรงนี้ มาประชาสัมพันธ์เผยความงามของชุมชนว่าแต่ละชุมชนทั้ง 3,273 แห่ง มีเสน่ห์อย่างไร โดยคนที่อยู่ในชุมชนต้องมีความสุขมากขึ้น
โครงการ OTOP นวัตวิถีเชื่อมโยงภูมิปัญญา วิถีชุมชน
ถูกขับเคลื่อนพัฒนาประเทศตามโครงการ "ไทยนิยม ยั่งยืน" จากการที่รัฐบาลปัจจุบัน มีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำของสังคมที่มุ่งสร้างรายได้ และความเจริญความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งอย่างแท้จริง เพื่อสร้างรอยยิ้ม คืนความสุข เพื่อคนไทยทุกคนโดยให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการร่วมกันภาครัฐ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๔