หนุ่มจีนฆ่าโหดเมีย ขณะพาลูกเมียมาทริปพักผ่อนในไทย จับกดน้ำคาสระโรงแรมหรูภูเก็ต หวังฮุบเงินประกันกว่า 166 ล้าน ที่เพิ่งทำให้ภรรยาได้ไม่นาน
วันที่ 12 ธันวาคม 2561 เว็บไซต์เดลี่เมล มีรายงานเหตุสุดอื้อฉาวที่เกิดขึ้น เมื่อชายชาวจีนรายหนึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าภรรยาของตัวเอง ขณะพาภรรยาและลูกน้อยวัยเพียง 1 ขวบ 8 เดือน เดินทางมาท่องเที่ยวพักโรงแรมหรูในจังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย ซึ่งคาดว่าการก่อเหตุครั้งนี้น่าจะเป็นไปเพื่อเงินประกันชีวิตมูลค่ากว่า 33.26 ล้านหยวน (ราว 166 ล้านบาท) ที่เขาซื้อให้ภรรยาในช่วงหลายเดือนก่อนเกิดเหตุ โดยมีชื่อเขาเป็นผู้รับผลประโยชน์
รายงานเผยว่า นายจาง อี้ฟาน ได้พาภรรยาคือ เสียวเจี่ย (นามสมมติ) และลูกสาว เดินทางมาที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา แต่แล้วในวันที่ 29 ตุลาคม นายจางก็ได้ติดต่อไปถึงครอบครัวของภรรยา แจ้งข่าวร้ายว่าเธอได้จมน้ำเสียชีวิต ภายในสระว่ายน้ำส่วนตัวของห้องสวีตที่พวกเขาพักอยู่ และนั่นทำให้ทางพ่อแม่ของเสียวเจี่ยติดใจสงสัย เพราะเสียวเจี่ยนั้นเป็นคนที่ว่ายน้ำได้เก่งมาก ไม่น่าจะจมน้ำในสระที่มีความลึกเพียง 1.4 เมตรได้
![ฆ่าโหด]( "ฆ่าโหด")
ครอบครัวของเสียวเจี่ยจึงได้แจ้งทางตำรวจท้องถิ่น
ซึ่งได้ทำการจับกุมนายจางในเวลาต่อมา โดยระหว่างการสอบสวนนานหลายชั่วโมง
ในที่สุดนายจางก็ยอมรับว่าเป็นคนลงมือจับศีรษะภรรยากดน้ำจนขาดใจตายเอง
อ้างว่าทำไปเพราะเขา "ไม่อยากอยู่กับเธออีกต่อไปแล้ว"
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาอ้างเช่นนั้น ทว่าทางพ่อแม่ของเสียวเจี่ยกลับพบกรมธรรม์ชีวิตและประกันประเภทอื่น ๆ รวมกันถึง 18 ฉบับ ในชื่อของเสียวเจี่ย ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้านของนายจาง ซึ่งกรมธรรม์เหล่านั้นเพิ่งถูกทำขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนก่อนที่นายจางจะพาภรรยาเดินทางมาประเทศไทย และทุกฉบับมีชื่อของเขาเป็นผู้รับผลประโยชน์
ทั้งนี้ พ่อแม่ของเสียวเจี่ยกำลังอยู่ระหว่างมองหาหนทางในการยื่นคำร้อง เพื่อให้ส่งตัวนายจางกลับมารับโทษในจีน โดยเชื่อว่าเขาน่าจะมีโอกาสได้รับโทษประหารชีวิตที่จีนมากกว่า
ด้าน China Xinhua News รายงานเพิ่มเติมว่า ทางสถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำสงขลา ยืนยันว่าตำรวจท้องถิ่นได้จับกุมและสอบสวนนายจางแล้ว โดยสถานกงสุลพร้อมประสานความร่วมมือ หากต้องส่งตัวเขากลับจีนภายใต้คำร้องของตำรวจจีนและครอบครัวผู้เสียชีวิต
วันที่ 12 ธันวาคม 2561 เว็บไซต์เดลี่เมล มีรายงานเหตุสุดอื้อฉาวที่เกิดขึ้น เมื่อชายชาวจีนรายหนึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าภรรยาของตัวเอง ขณะพาภรรยาและลูกน้อยวัยเพียง 1 ขวบ 8 เดือน เดินทางมาท่องเที่ยวพักโรงแรมหรูในจังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย ซึ่งคาดว่าการก่อเหตุครั้งนี้น่าจะเป็นไปเพื่อเงินประกันชีวิตมูลค่ากว่า 33.26 ล้านหยวน (ราว 166 ล้านบาท) ที่เขาซื้อให้ภรรยาในช่วงหลายเดือนก่อนเกิดเหตุ โดยมีชื่อเขาเป็นผู้รับผลประโยชน์
รายงานเผยว่า นายจาง อี้ฟาน ได้พาภรรยาคือ เสียวเจี่ย (นามสมมติ) และลูกสาว เดินทางมาที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา แต่แล้วในวันที่ 29 ตุลาคม นายจางก็ได้ติดต่อไปถึงครอบครัวของภรรยา แจ้งข่าวร้ายว่าเธอได้จมน้ำเสียชีวิต ภายในสระว่ายน้ำส่วนตัวของห้องสวีตที่พวกเขาพักอยู่ และนั่นทำให้ทางพ่อแม่ของเสียวเจี่ยติดใจสงสัย เพราะเสียวเจี่ยนั้นเป็นคนที่ว่ายน้ำได้เก่งมาก ไม่น่าจะจมน้ำในสระที่มีความลึกเพียง 1.4 เมตรได้
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น
นายจางได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิดที่เมืองเทียนจิน ประเทศจีน
ซึ่งที่นั่นเขาได้เผชิญหน้ากับครอบครัวของภรรยาและกลุ่มญาติ
ที่ยังคาใจในการเสียชีวิตของเสียวเจี่ย
จนต้องยอมเดินทางกลับมายังประเทศไทยอีกครั้ง
ก่อนที่ข้อสงสัยของพวกเขาจะได้รับคำยืนยัน
เมื่อเจ้าหน้าที่ชันสูตรเผยว่าบนร่างของเสียวเจี่ยนั้น
เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและรอยถลอก
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาอ้างเช่นนั้น ทว่าทางพ่อแม่ของเสียวเจี่ยกลับพบกรมธรรม์ชีวิตและประกันประเภทอื่น ๆ รวมกันถึง 18 ฉบับ ในชื่อของเสียวเจี่ย ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้านของนายจาง ซึ่งกรมธรรม์เหล่านั้นเพิ่งถูกทำขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนก่อนที่นายจางจะพาภรรยาเดินทางมาประเทศไทย และทุกฉบับมีชื่อของเขาเป็นผู้รับผลประโยชน์
ขณะที่เซี่ยงไฮ้อิสต์
รายงานว่า
พ่อแม่ของเสียวเจี่ยยังได้พบความจริงอีกหนึ่งอย่างเกี่ยวกับลูกเขยรายนี้
ว่าที่จริงแล้วเขาเป็นเพียงชายว่างงานคนหนึ่ง
แต่ยังหลอกคนในบ้านด้วยการทำทีว่าต้องออกไปทำงานทุกเช้า
นอกจากนี้ยังมีไฟล์คลิปโป๊เก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์ของเขาอีก ในความจุถึง 158
GB
ทั้งนี้ พ่อแม่ของเสียวเจี่ยกำลังอยู่ระหว่างมองหาหนทางในการยื่นคำร้อง เพื่อให้ส่งตัวนายจางกลับมารับโทษในจีน โดยเชื่อว่าเขาน่าจะมีโอกาสได้รับโทษประหารชีวิตที่จีนมากกว่า
ด้าน China Xinhua News รายงานเพิ่มเติมว่า ทางสถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำสงขลา ยืนยันว่าตำรวจท้องถิ่นได้จับกุมและสอบสวนนายจางแล้ว โดยสถานกงสุลพร้อมประสานความร่วมมือ หากต้องส่งตัวเขากลับจีนภายใต้คำร้องของตำรวจจีนและครอบครัวผู้เสียชีวิต
