สมชัย ชี้พรรคดังจัดโต๊ะจีนระดมทุน มีกระทรวงการคลัง 20 โต๊ะ 60 ล้าน-ททท. 3 โต๊ะ 9 ล้าน ถามใช้ตำแหน่ง เพื่อให้หน่วยงานรัฐ สนับสนุนค่าโต๊ะจีนหรือไม่ ด้านศรีสุวรรณ จ่อร้อง กกต. สอบ
1) ผู้เป็นรัฐมนตรีได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่การงาน เพื่อให้หน่วยงานราชการรัฐวิสาหกิจ สนับสนุนค่าโต๊ะจีนเมื่อคืนหรือไม่
2) หน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ ได้ใช้เงินงบประมาณของรัฐ หรือไปขอการสนับสนุนหน่วยงานเอกชน เพื่อให้มาสนับสนุนงานเมื่อคืนดังกล่าวหรือไม่
เมื่อความปรากฏดังกล่าว จึงเป็นหน้าที่ของ กกต. ในการแสวงหาข้อเท็จจริงโดยไม่จำเป็นจะต้องมีผู้ร้อง มิเช่นนั้น กกต. เอง อาจถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้
![]()
ขณะที่ นายศรีสุวรรณ
จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย
ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นการทั่วไปว่ามีพรรคการเมืองหลายพรรคใช้กลยุทธ์ในการหาเงินโดยการจัดเลี้ยงโต๊ะจีน โต๊ะละ
1 ล้านบาท 3 ล้านบาท บ้างนั้น
การกระทำดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการจัดเลี้ยงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
และเข้าข่ายการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงใด ๆ
เพราะมีการนำนักร้องนักแสดงมาโชว์ในเวทีด้วย ตาม ม.73 (3) (4)
พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561
กรณีดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต. ที่จะต้องสอบสวนตาม ม.22 วรรคสอง พ.ร.ป.กกต. 2560 ที่บัญญัติว่า "ในการควบคุม กํากับ ดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ให้ถือเป็นหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการที่จะต้องดําเนินการสอดส่อง สืบสวน หรือไต่สวน เพื่อป้องกันและขจัดการกระทําหรือการงดเว้นการกระทําใดอันจะก่อให้เกิดความไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรม ในการเลือกตั้งได้ ไม่ว่าจะเป็นเวลาในระหว่างประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม"
สมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำกรณีดังกล่าวไปร้องเรียน กกต. เพื่อไต่สวนสืบสวน เอาผิดพรรคการเมืองที่ฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวต่อไป โดยจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม 2561 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงาน กกต. ชั้น 1 อาคาร B ศูนย์ราชการฯ หลักสี่ กทม.
![]()
![]()
วันที่ 20 ธันวาคม 2561 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง
(กกต.) และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการโพสต์ข้อความระบุว่า งานอาจเข้าที่พลังประชารัฐ โต๊ะจีน 200 โต๊ะ น่าจะมีปัญหา
เมื่อสำนักข่าวอิศรา ได้รายงานผังการจัดโต๊ะจีนเมื่อคืนว่า
มีเป็นของกระทรวงการคลัง 20 โต๊ะ เป็นเงิน 60 ล้านบาท
ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 3 โต๊ะ เป็นเงิน 9 ล้านบาท จึงเป็นคำถามว่า
1) ผู้เป็นรัฐมนตรีได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่การงาน เพื่อให้หน่วยงานราชการรัฐวิสาหกิจ สนับสนุนค่าโต๊ะจีนเมื่อคืนหรือไม่
2) หน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ ได้ใช้เงินงบประมาณของรัฐ หรือไปขอการสนับสนุนหน่วยงานเอกชน เพื่อให้มาสนับสนุนงานเมื่อคืนดังกล่าวหรือไม่
เมื่อความปรากฏดังกล่าว จึงเป็นหน้าที่ของ กกต. ในการแสวงหาข้อเท็จจริงโดยไม่จำเป็นจะต้องมีผู้ร้อง มิเช่นนั้น กกต. เอง อาจถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้
อีกทั้งขัดต่อ พ.ร.ป.พรรคการเมือง
2561
ที่เน้นให้สมาชิกจ่ายเงินให้พรรคการเมืองเฉพาะผู้ก่อตั้งและสมัครสมาชิกเป็นหลัก
การที่พรรคการเมืองมาจัดงานระดมเงินโดยที่ยังไม่มี พรฎ. ให้มีการเลือกตั้ง
ส.ส. จึงเป็นการขัดต่อกฎหมายดังกล่าวโดยชัดแจ้ง
อีกทั้งขัดต่อเจตนารมณ์ของการปฏิรูปการเมือง
ที่กฎหมายมุ่งเน้นให้พรรคการเมืองเป็นพรรคของมหาชน ไม่ใช่พรรคของนายทุน
ที่จ่ายเงินซื้อโต๊ะจีนราคาแพงลิ่วเพราะหวังผลประโยชน์ตอบแทนในอนาคตนั่นเอง
กรณีดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต. ที่จะต้องสอบสวนตาม ม.22 วรรคสอง พ.ร.ป.กกต. 2560 ที่บัญญัติว่า "ในการควบคุม กํากับ ดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ให้ถือเป็นหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการที่จะต้องดําเนินการสอดส่อง สืบสวน หรือไต่สวน เพื่อป้องกันและขจัดการกระทําหรือการงดเว้นการกระทําใดอันจะก่อให้เกิดความไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรม ในการเลือกตั้งได้ ไม่ว่าจะเป็นเวลาในระหว่างประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม"
สมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำกรณีดังกล่าวไปร้องเรียน กกต. เพื่อไต่สวนสืบสวน เอาผิดพรรคการเมืองที่ฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวต่อไป โดยจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม 2561 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงาน กกต. ชั้น 1 อาคาร B ศูนย์ราชการฯ หลักสี่ กทม.
ภาพจาก อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
