เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าสีระมัน เผยอยู่ระหว่างพิจารณาต้องตัดขาลูกช้างป่าหรือไม่ หลังได้รับบาดเจ็บหนัก ขาซ้ายติดบ่วงนายพรานเป็นแผลเหวอะ - ส่งต่อสวนนงนุช ดูแลต่อ
คืบหน้ากรณีพบช้างป่าได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขาซ้ายเป็นบาดแผลโดนบ่วงรัด เดินออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านใกล้กับหน่วยพิทักษ์ป่าสีระมัน อ.เขาชะเมา จ.ระยอง เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา และเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวพักดูแลที่หน่วยพิทักษ์ป่าสีระมัน
ล่าสุด (22 ธันวาคม 2561) เพจเฟซบุ๊ก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร สัตวแพทย์หญิงประจำสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) อัปเดตการช่วยเหลือเจ้าใบตอง ช้างป่าตัวดังกล่าวว่า การดูแลรักษาเป็นเวลา 5 วันแล้ว หลังเจอตัว ซึ่งก็ได้ทำการเคลื่อนย้ายไปดูแลรักษาต่อที่สวนนงนุช พัทยา ต่อไป เนื่องจากทางสวนนงนุชมีแม่ช้างเลี้ยงที่เพิ่งจะคลอดลูก เพื่อให้ได้กินนมแม่ช้างจริง ๆ เพื่อสุขภาพของลูกสัตว์ที่ดีควรได้รับนมจากแม่ช้าง
ทั้งนี้ การรักษาขั้นล่าสุดที่ทำไปคือการตรวจเช็กการมาเลี้ยงของเลือดบริเวณปลายขา ว่ายังมีเลือดมาเลี้ยงหรือไม่ โดยใช้เครื่องอัลตราโซนิกแบบดรอปเปอร์ พบว่ายังมีเลือดมาเลี้ยงเล็กน้อยและทำการทำแผลภายนอก จากนั้นได้ทำการรักษาขอบบนของแผลด้วยเครื่องยิงเลเซอร์ ซึ่งทีมสัตวแพทย์ทำการวางแผนการรักษาโดยจะทำการรักษาแผลภายนอก (ทำแผลทุกวัน) ทำการยิงเลเซอร์ด้านบนของขอบแผล (เพื่อเป็นการสลายเซลล์เนื้อตายและสร้างเซลล์ใหม่) และกดรั้งปิดแผลเพื่อที่จะให้เส้นเลือดที่มาเลี้ยงปลายขาฝ่อลีบ ซึ่งมีผลดีต่อการผ่าตัดในอนาคต (โดยใช้เทปเหนียวพันยึด)
อย่างไรก็ดี ลูกช้างป่ามีพฤติกรรมสนใจสิ่งแวดล้อม สามารถปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้ ไม่มีอาการซึม ไม่อ่อนเพลีย สามารถกินนมที่บีบจากแม่ช้างได้ ขับถ่ายและฉี่ได้ปกติ
ขณะที่ วันนี้ (23 ธันวาคม 2561) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานบทสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าสีระมัน เปิดเผยว่า สาเหตุของบาดแผลช้างป่าตัวดังกล่าว เกิดจากขณะเดินอยู่ในป่าเกิดเดินเข้าไปติดบ่วงของนายพราน จนถูกรัดแน่น ไม่สามารถหลุดออกมาได้ ทำให้ช้างป่าตัวอื่น ๆ ต้องทิ้งไว้ ก่อนที่ช้างป่าตัวดังกล่าวจะดิ้นหลุดและเดินออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน เบื้องต้นอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะต้องตัดขาทิ้งหรือไม่
นอกจากบาดแผลถูกบ่วงนายพรานแล้ว ยังพบร่องรอยถูกทำร้ายจากหมาป่า หรือหมาในด้วย
![ช้างป่]( "ช้างป่")
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
![ช้างป่]( "ช้างป่")
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
, เฟซบุ๊ก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
คืบหน้ากรณีพบช้างป่าได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขาซ้ายเป็นบาดแผลโดนบ่วงรัด เดินออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านใกล้กับหน่วยพิทักษ์ป่าสีระมัน อ.เขาชะเมา จ.ระยอง เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา และเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวพักดูแลที่หน่วยพิทักษ์ป่าสีระมัน
ล่าสุด (22 ธันวาคม 2561) เพจเฟซบุ๊ก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร สัตวแพทย์หญิงประจำสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) อัปเดตการช่วยเหลือเจ้าใบตอง ช้างป่าตัวดังกล่าวว่า การดูแลรักษาเป็นเวลา 5 วันแล้ว หลังเจอตัว ซึ่งก็ได้ทำการเคลื่อนย้ายไปดูแลรักษาต่อที่สวนนงนุช พัทยา ต่อไป เนื่องจากทางสวนนงนุชมีแม่ช้างเลี้ยงที่เพิ่งจะคลอดลูก เพื่อให้ได้กินนมแม่ช้างจริง ๆ เพื่อสุขภาพของลูกสัตว์ที่ดีควรได้รับนมจากแม่ช้าง
ทั้งนี้ การรักษาขั้นล่าสุดที่ทำไปคือการตรวจเช็กการมาเลี้ยงของเลือดบริเวณปลายขา ว่ายังมีเลือดมาเลี้ยงหรือไม่ โดยใช้เครื่องอัลตราโซนิกแบบดรอปเปอร์ พบว่ายังมีเลือดมาเลี้ยงเล็กน้อยและทำการทำแผลภายนอก จากนั้นได้ทำการรักษาขอบบนของแผลด้วยเครื่องยิงเลเซอร์ ซึ่งทีมสัตวแพทย์ทำการวางแผนการรักษาโดยจะทำการรักษาแผลภายนอก (ทำแผลทุกวัน) ทำการยิงเลเซอร์ด้านบนของขอบแผล (เพื่อเป็นการสลายเซลล์เนื้อตายและสร้างเซลล์ใหม่) และกดรั้งปิดแผลเพื่อที่จะให้เส้นเลือดที่มาเลี้ยงปลายขาฝ่อลีบ ซึ่งมีผลดีต่อการผ่าตัดในอนาคต (โดยใช้เทปเหนียวพันยึด)
อย่างไรก็ดี ลูกช้างป่ามีพฤติกรรมสนใจสิ่งแวดล้อม สามารถปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้ ไม่มีอาการซึม ไม่อ่อนเพลีย สามารถกินนมที่บีบจากแม่ช้างได้ ขับถ่ายและฉี่ได้ปกติ
ขณะที่ วันนี้ (23 ธันวาคม 2561) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานบทสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าสีระมัน เปิดเผยว่า สาเหตุของบาดแผลช้างป่าตัวดังกล่าว เกิดจากขณะเดินอยู่ในป่าเกิดเดินเข้าไปติดบ่วงของนายพราน จนถูกรัดแน่น ไม่สามารถหลุดออกมาได้ ทำให้ช้างป่าตัวอื่น ๆ ต้องทิ้งไว้ ก่อนที่ช้างป่าตัวดังกล่าวจะดิ้นหลุดและเดินออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน เบื้องต้นอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะต้องตัดขาทิ้งหรือไม่
นอกจากบาดแผลถูกบ่วงนายพรานแล้ว ยังพบร่องรอยถูกทำร้ายจากหมาป่า หรือหมาในด้วย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
, เฟซบุ๊ก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
