ย้อนเหตุการณ์ภัยพิบัติ ภูเขาไฟกรากาตัว ระเบิดในอดีต รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ก่อนจะเกิดภูเขาไฟอานัก กรากาตัว ที่นำมาสู่เหตุสึนามิถล่มอินโดฯ
อินโดนีเซียนับเป็นหนึ่งในประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นที่วงแหวนไฟ (Ring of Fire) ทำให้มีเหตุต้องเผชิญต่อภัยธรรมชาติที่รุนแรงบ่อยครั้ง แค่เฉพาะในปี 2561 ก็ต้องพบกับเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิหลายครั้ง รวมถึงเหตุล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2561 เกิดคลื่นสึนามิซัดถล่มชายฝั่ง บริเวณช่องแคบซุนดา ระหว่างเกาะชวาและเกาะสุมาตรา โดยคาดว่าสาเหตุเกิดจากการเลื่อนของเปลือกโลกใต้ทะเล หลังภูเขาไฟอานัก กรากาตัว (Anak Krakatau) เกิดการระเบิด และยังเสี่ยงจะเกิดสึนามิซ้ำอีกระลอก เพราะภูเขาไฟอานัก กรากาตัว สามารถระเบิดซ้ำได้ตลอดเวลา
ขณะที่ล่าสุด (23 ธันวาคม) สำนักข่าวบีบีซี ก็ได้มีรายงานพาย้อนกลับไปดูหายนะครั้งใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย กับเหตุภูเขาไฟครั้งที่รุนแรงสุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ นั่นก็คือเหตุภูเขาไฟกรากาตัว (Krakatau) ระเบิด ในเดือนสิงหาคม 2426 ซึ่งนับเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ ตั้งแต่ก่อนที่ภูเขาไฟอานัก กรากาตัว จะเริ่มก่อตัวขึ้นในเวลาต่อมา
รายงานเผยว่า ภูเขาไฟกรากาตัว เป็นส่วนหนึ่งของเกาะกรากาตัว การระเบิดในปี 2426 ได้ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิสูง 41 เมตร ซัดถล่มชายฝั่ง พร้อมพ่นเถ้าถ่านร้อน ๆ พวยพุ่งขึ้นสูงท้องฟ้า เถ้าถ่านฝุ่นควันที่ปกคลุมชั้นบรรยากาศปิดกั้นดวงอาทิตย์ ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวจมอยู่ในความมืดมิดนานกว่า 2 วัน เสียงระเบิดดังสนั่นในระยะทางหลายพันกิโลเมตร จนผู้ที่อยู่ในประเทศออสเตรเลียยังได้ยิน
แรงระเบิดนั้นมหาศาล มีความรุนแรงกว่า 200 เมกตัน หรือรุนแรงกว่าระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิม่า ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึง 13,000 เท่า เฉพาะการระเบิดเพียงอย่างเดียวก็คร่าชีวิตคนไปกว่า 30,000 คน และยังมีคนอีกจำนวนมากที่เสียชีวิตเพราะหินร้อนที่ออกมาจากภูเขาไฟ
ภูเขาไฟระเบิดครั้งนั้นมีความรุนแรงจนถึงขึ้นทำให้เกาะกรากาตัวถูกทำลายไปถึง 2 ใน 3 ของเกาะ และเถ้าถ่านที่ยังลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศก็ส่งผลกระทบในอุณหภูมิโลกลดลง 1 องศาเซลเซียส ในปีต่อมา ก่อนที่อุณหภูมิโลกจะกลับคืนสู่ปกติอีกครั้งในปี 2431
การระเบิดครั้งใหญ่ครั้งนั้น ได้ก่อให้เกิดเกาะเล็ก ๆ กลางทะเลซึ่งต่อมาได้เกิดขึ้นเป็นภูเขาไฟอานัก กรากาตัว ในปี 2470 อันหมายถึงลูกของภูเขาไฟกรากาตัว ซึ่งเป็นภูเขาไฟมีพลังที่ยังคงปะทุอยู่บ่อยครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มีครั้งใดที่น่าหวาดหวั่นเท่ากับในอดีต