นักธุรกิจผวา จ้างคนขับรถมาพากลับบ้าน กลับเจอประสบการณ์ช็อก คนขับตายคาพวงมาลัย ทั้งที่รถยังวิ่งอยู่ จะตามหมอมาช่วยก็ไม่ทัน แถมต้องไปให้การกับตำรวจ แทนที่จะได้กลับบ้าน
วันที่ 26 ธันวาคม 2561 เว็บไซต์ ifeng.com รายงานว่า นักธุรกิจชาวจีนรายหนึ่งมีอันต้องเผชิญประสบการณ์ช็อก ขณะเรียกใช้บริการคนขับรถจากผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Didi Chuxing ซึ่งทำให้การเดินทางในวันนั้นหวิดจะจบลงด้วยอุบัติเหตุ และได้สร้างแผลใจครั้งใหญ่จนทำให้เขาหวาดกลัวไปอีกนาน
รายงานเผยว่า ในคืนวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายหลี่ ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองหนานจิง ประเทศจีน ได้ไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนจนเมา ดังนั้นเมื่อถึงเวลากลับบ้านเขาจึงเลือกที่จะใช้บริการเรียกคนมาขับรถให้ แทนที่จะขับรถกลับไปบ้านเอง เขาคิดว่านั่นเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องแล้ว คนขับจากแอปพลิเคชันผู้ให้บริการแท็กซี่ จะต้องพาเขากลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยไร้กังวลแน่นอน แต่หารู้ไม่ว่าทุกอย่างอาจไม่ได้เป็นเช่นที่เขาคิดเสมอไป
ด้วยความที่มีโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยเรื่องธุรกิจขณะอยู่บนรถ นายหลี่จึงให้คนขับแวะไปส่งเพื่อนของเขาก่อน แล้วจึงวกกลับไปส่งเขาที่บ้าน โดยได้บอกทางไปแล้วเสร็จสรรพ จากนั้นนายหลี่ก็วุ่นอยู่กับการคุยโทรศัพท์ ไม่ได้สังเกตสภาพรอบตัว ไม่ได้มองเส้นทางว่ามาถึงจุดไหนแล้ว จนกระทั่งเขาวางสาย จึงเพิ่งเห็นว่าคนขับได้พาเขามาผิดเส้นทาง แทนที่จะเลี้ยวขวาเข้าถนนอีกเส้น กลับพาเขาฝ่าแยกตรงมาตามทางไปเรื่อย ๆ
เห็นดังนั้นนายหลี่จึงบอกคนขับให้เลี้ยวกลับไป แต่ปรากฏว่าตัวคนขับนั้นกลับไร้การตอบสนองใด ๆ ทั้งไม่ตอบกลับ แถมไม่ยอมวกรถกลับ ขนาดเขาตบไหล่และตะโกนเรียกอยู่หลายครั้งก็ยังไม่แสดงท่าทีอะไร จนนายหลี่ได้ยินเสียงคล้ายเสียงกรนดังมาจากคนขับนั่นเอง เขาจึงเพิ่งรู้ตัวว่าตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตซะแล้ว คนขับน่าจะหลับในอย่างแน่นอน
เคราะห์ดีที่นายหลี่ไม่ได้ดื่มเหล้าเข้าไปจนคุมสติไม่อยู่ เขาจึงรีบเอื้อมมือไปดึงเบรกมือเพื่อหยุดรถทันที จากนั้นเขาก็เริ่มเข้าไปดูคนขับใกล้ ๆ แล้วก็ต้องช็อกหนักกว่าเดิมเมื่อพบว่าคนขับรถที่อยู่หลังพวงมาลัยนั้นไม่หายใจซะแล้ว !
"เท้าของคนขับเหยียบค้างอยู่ที่คันเร่ง มือทั้ง 2 ข้างจับพวงมาลัยอยู่ ตอนนั้นรถวิ่งด้วยความเร็ว 30-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผมเลยรีบผลักเกียร์ไปที่เกียร์ P และดึงเบรกมือขึ้น" นายหลี่ กล่าว และเสริมว่าโชคดีที่ตอนนั้นรถวิ่งบนถนนน้อย รถของเขาเลยไม่ถูกชน
ทั้งนี้ หลังจากพบว่าคนขับรถอยู่ในสภาพเหมือนคนตายไม่หายใจ นายหลี่ก็ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เขาลนลานจนลืมโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้ในรถ รีบวิ่งไปขอยืมคนที่ผ่านมาแถวนั้นโทร. ไปหาตำรวจกับเรียกรถพยาบาล แต่น่าเศร้าที่กว่าแพทย์จะมาถึง ก็สายเกินกว่าที่จะกู้ชีวิตคนขับรถรายนี้แล้ว
วันที่ 26 ธันวาคม 2561 เว็บไซต์ ifeng.com รายงานว่า นักธุรกิจชาวจีนรายหนึ่งมีอันต้องเผชิญประสบการณ์ช็อก ขณะเรียกใช้บริการคนขับรถจากผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Didi Chuxing ซึ่งทำให้การเดินทางในวันนั้นหวิดจะจบลงด้วยอุบัติเหตุ และได้สร้างแผลใจครั้งใหญ่จนทำให้เขาหวาดกลัวไปอีกนาน
รายงานเผยว่า ในคืนวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายหลี่ ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองหนานจิง ประเทศจีน ได้ไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนจนเมา ดังนั้นเมื่อถึงเวลากลับบ้านเขาจึงเลือกที่จะใช้บริการเรียกคนมาขับรถให้ แทนที่จะขับรถกลับไปบ้านเอง เขาคิดว่านั่นเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องแล้ว คนขับจากแอปพลิเคชันผู้ให้บริการแท็กซี่ จะต้องพาเขากลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยไร้กังวลแน่นอน แต่หารู้ไม่ว่าทุกอย่างอาจไม่ได้เป็นเช่นที่เขาคิดเสมอไป
ด้วยความที่มีโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยเรื่องธุรกิจขณะอยู่บนรถ นายหลี่จึงให้คนขับแวะไปส่งเพื่อนของเขาก่อน แล้วจึงวกกลับไปส่งเขาที่บ้าน โดยได้บอกทางไปแล้วเสร็จสรรพ จากนั้นนายหลี่ก็วุ่นอยู่กับการคุยโทรศัพท์ ไม่ได้สังเกตสภาพรอบตัว ไม่ได้มองเส้นทางว่ามาถึงจุดไหนแล้ว จนกระทั่งเขาวางสาย จึงเพิ่งเห็นว่าคนขับได้พาเขามาผิดเส้นทาง แทนที่จะเลี้ยวขวาเข้าถนนอีกเส้น กลับพาเขาฝ่าแยกตรงมาตามทางไปเรื่อย ๆ
เห็นดังนั้นนายหลี่จึงบอกคนขับให้เลี้ยวกลับไป แต่ปรากฏว่าตัวคนขับนั้นกลับไร้การตอบสนองใด ๆ ทั้งไม่ตอบกลับ แถมไม่ยอมวกรถกลับ ขนาดเขาตบไหล่และตะโกนเรียกอยู่หลายครั้งก็ยังไม่แสดงท่าทีอะไร จนนายหลี่ได้ยินเสียงคล้ายเสียงกรนดังมาจากคนขับนั่นเอง เขาจึงเพิ่งรู้ตัวว่าตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตซะแล้ว คนขับน่าจะหลับในอย่างแน่นอน
เคราะห์ดีที่นายหลี่ไม่ได้ดื่มเหล้าเข้าไปจนคุมสติไม่อยู่ เขาจึงรีบเอื้อมมือไปดึงเบรกมือเพื่อหยุดรถทันที จากนั้นเขาก็เริ่มเข้าไปดูคนขับใกล้ ๆ แล้วก็ต้องช็อกหนักกว่าเดิมเมื่อพบว่าคนขับรถที่อยู่หลังพวงมาลัยนั้นไม่หายใจซะแล้ว !
"เท้าของคนขับเหยียบค้างอยู่ที่คันเร่ง มือทั้ง 2 ข้างจับพวงมาลัยอยู่ ตอนนั้นรถวิ่งด้วยความเร็ว 30-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผมเลยรีบผลักเกียร์ไปที่เกียร์ P และดึงเบรกมือขึ้น" นายหลี่ กล่าว และเสริมว่าโชคดีที่ตอนนั้นรถวิ่งบนถนนน้อย รถของเขาเลยไม่ถูกชน
ทั้งนี้ หลังจากพบว่าคนขับรถอยู่ในสภาพเหมือนคนตายไม่หายใจ นายหลี่ก็ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เขาลนลานจนลืมโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้ในรถ รีบวิ่งไปขอยืมคนที่ผ่านมาแถวนั้นโทร. ไปหาตำรวจกับเรียกรถพยาบาล แต่น่าเศร้าที่กว่าแพทย์จะมาถึง ก็สายเกินกว่าที่จะกู้ชีวิตคนขับรถรายนี้แล้ว
แทนที่จะได้กลับบ้าน เมื่อเจอเรื่องแบบนี้ทำให้นายหลี่ต้องตามตัวเพื่อน ๆ มาช่วยกันไปให้การกับทางตำรวจ โดยในที่สุดผลการสอบสวนก็พบว่าคนขับไม่มีร่องรอยบาดแผลถูกทำร้ายใด ๆ แต่ยังต้องหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป ขณะที่นายหลี่ชี้ว่า หลังจากเกิดเรื่องดังกล่าว เขาก็ไม่คิดจะเอารถคันนี้คืนแล้ว และเขาคงไม่กล้าขับรถคันนี้อีกอย่างแน่นอน
