ลูกชายโต้แม่ไม่ใช่เมียน้อย หลังถูกยิงดับ ขณะนั่งรถไปกับสามีผู้ก่อเหตุ แฉผู้ชายชอบตื๊อ แถมบอกจะเลิกกับเมียเพื่อมาคบ แต่แม่ก็ประกาศลั่นว่าจะไม่ยุ่ง ชี้ ควรโทษผู้ชาย และไม่อยากให้สังคมฟังความข้างเดียว
จากเหตุการณ์ที่ นางประภา ใจดี ขี่รถจักรยานยนต์มาดักเจอสามีกับหญิงอีกคน และเมื่อเจอทั้งคู่นั่งรถยนต์มาด้วยกัน ก็ก่อเหตุยิง นายอนุวัฒน์ ใจดี สามี บาดเจ็บสาหัส และหญิงสาวที่มาด้วย เสียชีวิต บริเวณหน้าร้านขายเสื้อผ้ามือสอง อ.เมืองลำปาง โดยเจ้าตัวเผยว่าคับแค้นใจมานานนับปี และอ้างว่าผู้ตายเป็นเมียน้อย ซึ่งหลังก่อเหตุรู้สึกสะใจมากนั้น (อ่านข่าว : เมียสุดกล้ำกลืนผัวมีกิ๊ก จัดการยิงทั้งสองคน ดับ 1 เจ็บ 1 สะใจมากหลังก่อเหตุ)
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ รายการทุบโต๊ะข่าว (10 มกราคม 2562) รายงานว่า ทางญาติของผู้ตายได้ตั้งสวดอภิธรรมที่วัดพระเจ้าทันใจ จ.ลำปาง และได้นิมนต์พระมาทำพิธีสวดถอนวิญญาณที่จุดเกิดเหตุ ตามประเพณีความเชื่อของชาวเหนือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขลางค์นคร ก็ได้นำตัว นางประภา ผู้ต้องหา มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพเช่นกัน โดยใช้เวลาเพียงนาทีกว่าเท่านั้น เนื่องจากเกรงว่าตัวผู้ต้องหาจะโดนทำร้าย
โดย นายเอ (นามสมมติ) ลูกชายของผู้ตาย เปิดเผยว่า แม่เป็นคนดีมาก ข่าวที่ออกมาว่าเป็นเมียน้อยนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากนายอนุวัฒน์มาติดพันแม่ของตน และแม่ก็ทราบว่าเขามีครอบครัวแล้ว ซึ่งแม่เคยประกาศว่าจะไม่ยุ่งด้วย แต่เขาก็ยังแวะมาหาอยู่บ่อย ๆ และยังบอกว่าจะเลิกกับภรรยา อีกทั้งแม่ยังเคยไล่เขาออกจากบ้านด้วย ตนไม่อยากให้สังคมฟังความข้างเดียว
ทั้งนี้ ในวันเกิดเหตุ ที่แม่ของตนนั่งรถยนต์ไปกับนายอนุวัฒน์ เป็นเพราะเขามาตื๊อแม่ถึงที่บ้าน ว่าให้ไปทำธุระเป็นเพื่อนหน่อย แม่จึงยอมไปด้วย แต่กลับถูกยิงเสียชีวิตดังกล่าว
ด้านนางคะนึงนิต จันทร์ตะวงค์ เจ้าของร้านมินิมาร์ท เปิดเผยว่า นางประภาเคยมาซื้อของที่ร้านประมาณ 2-3 ครั้ง ส่วนใหญ่ซื้อขนมและเบียร์ และในวันเกิดเหตุได้ควักปืนมาโชว์ ซึ่งตนก็กลัวปืนลั่นใส่ จึงบอกให้เก็บไป ผู้ก่อเหตุดูมีอาการเครียด และชอบระบายเรื่องสามีตีจาก ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าแค้นอย่างมาก แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุยิงกันเกิดขึ้น
ขณะที่ พระลูกวัด เผยว่า นางประภา มาแอบเฝ้าดูสามีอยู่หลายวันแล้ว ช่วงหลังพกปืนมาด้วย พระจึงได้สอนและปลอบใจว่าอย่าทำอะไรรุนแรง เดี๋ยวจะติดคุก แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คงเป็นเพราะรักสามีมากและเสียสามีไปไม่ได้จริง ๆ ซึ่งในวันเกิดเหตุ พอได้ยินเสียงปืนก็เชื่อว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นอย่างแน่นอน
![เมียฆ่าผัว]( "เมียฆ่าผัว")
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
จากเหตุการณ์ที่ นางประภา ใจดี ขี่รถจักรยานยนต์มาดักเจอสามีกับหญิงอีกคน และเมื่อเจอทั้งคู่นั่งรถยนต์มาด้วยกัน ก็ก่อเหตุยิง นายอนุวัฒน์ ใจดี สามี บาดเจ็บสาหัส และหญิงสาวที่มาด้วย เสียชีวิต บริเวณหน้าร้านขายเสื้อผ้ามือสอง อ.เมืองลำปาง โดยเจ้าตัวเผยว่าคับแค้นใจมานานนับปี และอ้างว่าผู้ตายเป็นเมียน้อย ซึ่งหลังก่อเหตุรู้สึกสะใจมากนั้น (อ่านข่าว : เมียสุดกล้ำกลืนผัวมีกิ๊ก จัดการยิงทั้งสองคน ดับ 1 เจ็บ 1 สะใจมากหลังก่อเหตุ)
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ รายการทุบโต๊ะข่าว (10 มกราคม 2562) รายงานว่า ทางญาติของผู้ตายได้ตั้งสวดอภิธรรมที่วัดพระเจ้าทันใจ จ.ลำปาง และได้นิมนต์พระมาทำพิธีสวดถอนวิญญาณที่จุดเกิดเหตุ ตามประเพณีความเชื่อของชาวเหนือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขลางค์นคร ก็ได้นำตัว นางประภา ผู้ต้องหา มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพเช่นกัน โดยใช้เวลาเพียงนาทีกว่าเท่านั้น เนื่องจากเกรงว่าตัวผู้ต้องหาจะโดนทำร้าย
โดย นายเอ (นามสมมติ) ลูกชายของผู้ตาย เปิดเผยว่า แม่เป็นคนดีมาก ข่าวที่ออกมาว่าเป็นเมียน้อยนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากนายอนุวัฒน์มาติดพันแม่ของตน และแม่ก็ทราบว่าเขามีครอบครัวแล้ว ซึ่งแม่เคยประกาศว่าจะไม่ยุ่งด้วย แต่เขาก็ยังแวะมาหาอยู่บ่อย ๆ และยังบอกว่าจะเลิกกับภรรยา อีกทั้งแม่ยังเคยไล่เขาออกจากบ้านด้วย ตนไม่อยากให้สังคมฟังความข้างเดียว
ทั้งนี้ ในวันเกิดเหตุ ที่แม่ของตนนั่งรถยนต์ไปกับนายอนุวัฒน์ เป็นเพราะเขามาตื๊อแม่ถึงที่บ้าน ว่าให้ไปทำธุระเป็นเพื่อนหน่อย แม่จึงยอมไปด้วย แต่กลับถูกยิงเสียชีวิตดังกล่าว
ด้านนางคะนึงนิต จันทร์ตะวงค์ เจ้าของร้านมินิมาร์ท เปิดเผยว่า นางประภาเคยมาซื้อของที่ร้านประมาณ 2-3 ครั้ง ส่วนใหญ่ซื้อขนมและเบียร์ และในวันเกิดเหตุได้ควักปืนมาโชว์ ซึ่งตนก็กลัวปืนลั่นใส่ จึงบอกให้เก็บไป ผู้ก่อเหตุดูมีอาการเครียด และชอบระบายเรื่องสามีตีจาก ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าแค้นอย่างมาก แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุยิงกันเกิดขึ้น
ขณะที่ พระลูกวัด เผยว่า นางประภา มาแอบเฝ้าดูสามีอยู่หลายวันแล้ว ช่วงหลังพกปืนมาด้วย พระจึงได้สอนและปลอบใจว่าอย่าทำอะไรรุนแรง เดี๋ยวจะติดคุก แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คงเป็นเพราะรักสามีมากและเสียสามีไปไม่ได้จริง ๆ ซึ่งในวันเกิดเหตุ พอได้ยินเสียงปืนก็เชื่อว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นอย่างแน่นอน
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
