ประชาชนสับสน ! สตช. เผยเคยแจ้งกรมการขนส่งทางบก ให้เลื่อนดีเดย์เปิดใช้ใบขับขี่ดิจิทัล เหตุอยู่ระหว่างแก้ไขกฎหมายรองรับ หวั่นเกิดปัญหาในทางปฏิบัติ เนื่องจากขณะนี้ ผู้ขับขี่ยังต้องแสดงใบขับขี่ตัวจริง และหากกระทำผิด ตำรวจยังมีสิทธิ์ออกใบสั่ง-ยึดใบขับขี่
![]()
วันที่ 15 มกราคม 2562
วันแรกที่กรมการขนส่งทางบก เปิดใช้ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ หรือ
ใบขับขี่ดิจิทัล อย่างเป็นทางการ สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์
โดยผู้ขับขี่สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน "DLT QR LICENCE" ลงในโทรศัพท์
และเข้าสู่ขั้นตอนการลงทะเบียน
โดยต้องกรอกข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชนและอีเมล จากนั้นระบบจะส่งรหัส
OTP ให้ผู้ขับขี่ทางอีเมลและนำรหัส OTP มากรอก เพื่อยืนยันการลงทะเบียน
แล้วเข้าสู่ขั้นตอนสแกน QR Code หลังใบขับขี่ตัวจริงเพื่อเชื่อมต่อข้อมูล
แต่หากใบขับขี่ไม่มี QR Code ให้ผู้ขับขี่ติดต่อกรมการขนส่งฯ
และสำนักงานขนส่งได้ทุกพื้นที่
อย่างไรก็ดี ล่าสุด (15 มกราคม 2562) ไบรท์ทีวี รายงานว่า พล.ต.ต. เอกลักษณ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในฐานะคณะทำงานแก้ไขกฎหมาย สตช. ระบุว่า การเริ่มใช้ใบขับขี่ดิจิทัลนั้น ในทางปฏิบัติ หากผู้ขับขี่ทำผิดกฎหมายจราจร ผู้ขับขี่จะต้องแสดงใบขับขี่ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหากพบว่าทำผิดจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจยึดใบขับขี่ และออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ไปชำระค่าปรับตามกฎหมาย
เนื่องจากขณะนี้ อยู่ระหว่างแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งกำหนดให้ยกเลิกการเรียกเก็บใบขับขี่ เพื่อรองรับการใช้ใบขับขี่ดิจิทัล โดยการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจะเสนอให้ที่ประชุมสภานิติบัญญัติ (สนช.) พิจารณาในวันที่ 17 มกราคม นี้ ดังนั้น ในระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีอำนาจในการยึดใบขับขี่อยู่ และหากผู้ขับขี่ไม่มีใบขับขี่ตัวจริงแสดง ก็จะมีความผิดฐานไม่พกใบขับขี่ได้
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต. เอกลักษณ์ ระบุว่า สตช. ได้แจ้งไปยังอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ขอให้เลื่อนการใช้ใบขับขี่ดิจิทัลออกไปก่อน เพื่อรอให้การแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก เสร็จเรียบร้อย แต่ทางกรมการขนส่งฯ ยังยืนยันที่จะให้เริ่มใช้ใบขับขี่ดิจิทัล 15 มกราคม โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งสามารถทำได้ แต่เชื่อว่าจะมีปัญหาในทางปฏิบัติแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเช่นกัน
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันที่ 17 มกราคม นี้ จะมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ ) พ.ศ . ให้ที่ประชุม สนช. พิจารณาในวาระแรก โดยร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ไม่มีบทบัญญัติใดที่เกี่ยวข้องกับใบขับขี่ดิจิทัลโดยตรง โดยในมาตรา 3 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 34 (32) แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ระบุเพียงว่า "ใบอนุญาตขับขี่" หมายความว่า ใบอนุญาตขับขี่ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และใบอนุญาตเป็นผู้ขับขี่รถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่ง
นอกจากนี้ มาตรา 8 ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 31/1 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ระบุว่า "ในขณะขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัว และต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจ"
ด้าน นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ใบขับขี่ดิจิทัล จะมีการเชื่อมโยงข้อมูลของกรมการขนส่งทางบกกับ สตช. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีอำนาจในการออกใบสั่งด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และสามารถทำการยึดใบขับขี่ได้คล้าย ๆ กับบัตรเครดิต ส่วนรายละเอียดนั้น กรมการขนส่งฯ จะต้องหารือกับ สตช. ต่อไป
![]()
![]()
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
อย่างไรก็ดี ล่าสุด (15 มกราคม 2562) ไบรท์ทีวี รายงานว่า พล.ต.ต. เอกลักษณ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในฐานะคณะทำงานแก้ไขกฎหมาย สตช. ระบุว่า การเริ่มใช้ใบขับขี่ดิจิทัลนั้น ในทางปฏิบัติ หากผู้ขับขี่ทำผิดกฎหมายจราจร ผู้ขับขี่จะต้องแสดงใบขับขี่ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหากพบว่าทำผิดจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจยึดใบขับขี่ และออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ไปชำระค่าปรับตามกฎหมาย
เนื่องจากขณะนี้ อยู่ระหว่างแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งกำหนดให้ยกเลิกการเรียกเก็บใบขับขี่ เพื่อรองรับการใช้ใบขับขี่ดิจิทัล โดยการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจะเสนอให้ที่ประชุมสภานิติบัญญัติ (สนช.) พิจารณาในวันที่ 17 มกราคม นี้ ดังนั้น ในระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีอำนาจในการยึดใบขับขี่อยู่ และหากผู้ขับขี่ไม่มีใบขับขี่ตัวจริงแสดง ก็จะมีความผิดฐานไม่พกใบขับขี่ได้
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต. เอกลักษณ์ ระบุว่า สตช. ได้แจ้งไปยังอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ขอให้เลื่อนการใช้ใบขับขี่ดิจิทัลออกไปก่อน เพื่อรอให้การแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก เสร็จเรียบร้อย แต่ทางกรมการขนส่งฯ ยังยืนยันที่จะให้เริ่มใช้ใบขับขี่ดิจิทัล 15 มกราคม โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งสามารถทำได้ แต่เชื่อว่าจะมีปัญหาในทางปฏิบัติแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเช่นกัน
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันที่ 17 มกราคม นี้ จะมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ ) พ.ศ . ให้ที่ประชุม สนช. พิจารณาในวาระแรก โดยร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ไม่มีบทบัญญัติใดที่เกี่ยวข้องกับใบขับขี่ดิจิทัลโดยตรง โดยในมาตรา 3 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 34 (32) แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ระบุเพียงว่า "ใบอนุญาตขับขี่" หมายความว่า ใบอนุญาตขับขี่ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และใบอนุญาตเป็นผู้ขับขี่รถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่ง
นอกจากนี้ มาตรา 8 ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 31/1 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ระบุว่า "ในขณะขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัว และต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจ"
ด้าน นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ใบขับขี่ดิจิทัล จะมีการเชื่อมโยงข้อมูลของกรมการขนส่งทางบกกับ สตช. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีอำนาจในการออกใบสั่งด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และสามารถทำการยึดใบขับขี่ได้คล้าย ๆ กับบัตรเครดิต ส่วนรายละเอียดนั้น กรมการขนส่งฯ จะต้องหารือกับ สตช. ต่อไป
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมการขนส่งทางบก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
