ตร. เผยที่มาทรัพย์สิน เสี่ยปุ๊ เขยโหดฆ่ายกครัวเมีย 5 ศพ พบสุดแสบโกงเงินบาทหลวงอธิการสามเณราลัยนักบุญยอแซฟร่วม 30 ล้านบาท จ่อตั้งข้อหาฉ้อโกงเพิ่ม
![ฆ่ายกครัว]( "ฆ่ายกครัว")
จากเหตุสะเทือนขวัญ กรณี นายธีรพล ปิ่นอมร หรือ ปุ๊ อายุ 38 ปี ใช้อาวุธปืนยิงภรรยา และครอบครัวภรรยา เสียชีวิตรวม 5 ศพ ก่อนหลบหนีไป ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2562 ส่วนสาเหตุ คาดว่าเกิดจากความไม่พอใจที่ภรรยาขอเลิก ซึ่งล่าสุด ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้แล้ว ขณะหลบหนีกบดานที่ จ.ชุมพร ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : รวบแล้ว ! เขยโหดฆ่ายกครัว 5 ศพ ยิงทิ้งเมียท้อง ฉุนถูกขอเลิก หนีกบดานชุมพร)
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2562 เดลินิวส์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่มาทรัพย์สินของ นายธีรพล พบว่า ได้มาจากการฉ้อโกงเงินบาทหลวงไชโย กิจสกุล อายุ 66 ปี อธิการสามเณราลัยนักบุญยอแซฟ ที่เจ้าตัวรู้จักและคบหากันมานาน โดยพฤติการณ์คือทำทีขับรถมาหาบาทหลวงไชโย ที่กำลังจัดกิจกรรมอบรมอยู่ที่โรงเรียนดาราสมุทร อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อขอความช่วยเหลือด้านการเงิน พร้อมกับนำเอกสารที่ดิน ระบุเขต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ที่อ้างว่าเป็นของตนเอง และได้ทำการขายที่ดินผืนดังกล่าวให้กับผู้ที่สนใจได้แล้วในราคา 35 ล้านบาท แต่ไม่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้ เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่อายัดเงินไว้ เพราะเคยมีคดีเก่าที่ญาติพี่น้องถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติด
![ฆ่ายกครัว]( "ฆ่ายกครัว")
ก่อนจะขอร้องบาทหลวงไชโย ให้ช่วยหาเงินจำนวน 29,861,560 บาท เพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเอาเงินจากการขายที่ดินจำนวน 35 ล้านบาท ออกจากบัญชีธนาคารที่ถูกอายัดไว้
ซึ่งทางบาทหลวงไชโยก็หลงเชื่อยอมนำเงินส่วนตัวมอบให้กับนายธีรพล เพราะเห็นว่าเอกสารผู้ครอบครองเป็นชื่อของนายธีรพลจริง แต่เมื่อถึงกำหนดจะต้องคืนเงิน นายธีรพลกลับบ่ายเบี่ยงและพยายามหลบหน้าก่อนจะขาดการติดต่อไปในที่สุด
![ฆ่ายกครัว]( "ฆ่ายกครัว")
บาทหลวงไชโย จึงเริ่มสงสัยและได้ติดต่อสอบถามไปยังสำนักงานที่ดิน จ.ภูเก็ต จึงทราบความจริงว่านายธีรพลไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินผืนดังกล่าวตามที่กล่าวอ้าง จึงนำเรื่องไปเข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวนกองปราบปราม แต่ทางกองปราบปรามไม่ได้รับเรื่องเนื่องจากไม่ใช่ขอบเขตความรับผิดชอบ จึงแนะนำให้บาทหลวงไชโย ไปแจ้งความกับทางตำรวจท้องที่เกิดเหตุ คือ สภ.ศรีราชา เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.ศรีราชา ได้รับเรื่องคดีดังกล่าวไว้พิจารณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดกับนายธีรพล ในข้อหาฉ้อโกงอีก 1 คดี
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
จากเหตุสะเทือนขวัญ กรณี นายธีรพล ปิ่นอมร หรือ ปุ๊ อายุ 38 ปี ใช้อาวุธปืนยิงภรรยา และครอบครัวภรรยา เสียชีวิตรวม 5 ศพ ก่อนหลบหนีไป ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2562 ส่วนสาเหตุ คาดว่าเกิดจากความไม่พอใจที่ภรรยาขอเลิก ซึ่งล่าสุด ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้แล้ว ขณะหลบหนีกบดานที่ จ.ชุมพร ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : รวบแล้ว ! เขยโหดฆ่ายกครัว 5 ศพ ยิงทิ้งเมียท้อง ฉุนถูกขอเลิก หนีกบดานชุมพร)
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2562 เดลินิวส์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่มาทรัพย์สินของ นายธีรพล พบว่า ได้มาจากการฉ้อโกงเงินบาทหลวงไชโย กิจสกุล อายุ 66 ปี อธิการสามเณราลัยนักบุญยอแซฟ ที่เจ้าตัวรู้จักและคบหากันมานาน โดยพฤติการณ์คือทำทีขับรถมาหาบาทหลวงไชโย ที่กำลังจัดกิจกรรมอบรมอยู่ที่โรงเรียนดาราสมุทร อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อขอความช่วยเหลือด้านการเงิน พร้อมกับนำเอกสารที่ดิน ระบุเขต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ที่อ้างว่าเป็นของตนเอง และได้ทำการขายที่ดินผืนดังกล่าวให้กับผู้ที่สนใจได้แล้วในราคา 35 ล้านบาท แต่ไม่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้ เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่อายัดเงินไว้ เพราะเคยมีคดีเก่าที่ญาติพี่น้องถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติด
ก่อนจะขอร้องบาทหลวงไชโย ให้ช่วยหาเงินจำนวน 29,861,560 บาท เพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเอาเงินจากการขายที่ดินจำนวน 35 ล้านบาท ออกจากบัญชีธนาคารที่ถูกอายัดไว้
ซึ่งทางบาทหลวงไชโยก็หลงเชื่อยอมนำเงินส่วนตัวมอบให้กับนายธีรพล เพราะเห็นว่าเอกสารผู้ครอบครองเป็นชื่อของนายธีรพลจริง แต่เมื่อถึงกำหนดจะต้องคืนเงิน นายธีรพลกลับบ่ายเบี่ยงและพยายามหลบหน้าก่อนจะขาดการติดต่อไปในที่สุด
บาทหลวงไชโย จึงเริ่มสงสัยและได้ติดต่อสอบถามไปยังสำนักงานที่ดิน จ.ภูเก็ต จึงทราบความจริงว่านายธีรพลไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินผืนดังกล่าวตามที่กล่าวอ้าง จึงนำเรื่องไปเข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวนกองปราบปราม แต่ทางกองปราบปรามไม่ได้รับเรื่องเนื่องจากไม่ใช่ขอบเขตความรับผิดชอบ จึงแนะนำให้บาทหลวงไชโย ไปแจ้งความกับทางตำรวจท้องที่เกิดเหตุ คือ สภ.ศรีราชา เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.ศรีราชา ได้รับเรื่องคดีดังกล่าวไว้พิจารณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดกับนายธีรพล ในข้อหาฉ้อโกงอีก 1 คดี
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
