ทีมสัตวแพทย์ ประจำโรงพยาบาลศูนย์อนุรักษ์ช้าง จ.ลำปาง รวมทั้งทีมสัตวแพทย์ และทีมวิศวกรจากหลายมหาวิทยาลัย ร่วมแรงร่วมใจ จนประสบความสำเร็จในการรักษา พังทองดี ช้างป่วยโรคมะเร็งลำไส้ เผยอาจเป็นครั้งแรกในโลก ที่สามารถทำได้
วันที่ 20 มกราคม 2562 สปริงนิวส์ รายงานว่า น.สพ.ศรัณย์ จันทร์สิทธิเวช ผู้จัดการส่วนอนุรักษ์ช้างลำปาง-กระบี่ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง เปิดเผยข่าวสำคัญที่น่าตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างมาก โดย ทีมสัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยฯ ได้รักษาช้างที่ป่วยเป็นมะเร็งในลำไส้ ขณะนี้สามารถผ่าตัดก้อนเนื้อร้ายที่เป็นมะเร็งออกมาได้สำเร็จแล้ว รวมทั้งทำการรักษาด้วยวิธีแบบการแบบเดียวกับมนุษย์ นั่นก็คือการทำเคมีบำบัด หรือทำคีโม โดยใช้ยาหลายรูปแบบเข้าไปทำลาย ชะลอ หรือหยุดเซลล์มะเร็งที่มีการเติบโตและแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว ผลการรักษาเป็นไปด้วยดี และสุขภาพร่างกายของช้างดีขึ้นอย่างมาก
ช้างดังกล่าวคือเป็นช้างเพศเมีย ชื่อ พังทองดี อายุ 30 ปี มาจากปางช้างแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ โดยพังทองดีเข้ามารับการรักษาที่ศูนย์อนุรักษ์ฯ ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2561 จากการสังเกตอาการเบื้องต้น พบว่าขับถ่ายเป็นเลือดและมีหนองปนออกมา สภาพร่างกายอ่อนแอมาก ทั้งซูบผอมและไร้เรี่ยวแรง ทีมสัตวแพทย์จึงจัดการเจาะเลือดไปตรวจหาสาเหตุอาการเจ็บป่วย ต่อมาทางศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยฯ ได้ประสานงานไปยังสัตวแพทย์จากหลายมหาวิทยาลัย คือ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคณะสัตวแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อขอความช่วยเหลือในการตรวจรักษาพังทองดี
ทีมสัตวแพทย์ได้ใช้เครื่องส่องสแกนสอดท่อเข้าไปในช่องท้องของพังทองดี พบว่ามีก้อนเนื้อขนาดใหญ่อยู่ในช่องท้อง จึงได้ตัดเอาชิ้นเนื้อดังกล่าวมาตรวจพิสูจน์ และพบว่าเป็นก้อนเนื้อมะเร็ง ทีมสัตวแพทย์จึงวางแผนการรักษา โดยได้ประสานงานไปยังหลากหลายวิชาชีพ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จากหลายมหาวิทยาลัย เพื่อขอความช่วยเหลือด้านการเตรียมอุปกรณ์การรักษาพังทองดี จนประสบความสำเร็จในการรักษา สามารถผ่าตัด นำก้อนเนื้อร้ายที่เป็นมะเร็ง หนัก 5 กิโลกรัม ออกมาได้ในที่สุด
หลังจากผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว สัตวแพทย์ก็รักษาพังทองดีตามอาการ และใช้วิธีการให้คีโม จนสามารถควบคุมไม่ให้มะเร็งเกิดลุกลามขึ้นมาอีก ปกติแล้วเมื่อมนุษย์รับการรักษามะเร็งด้วยวิธีนี้ จะมีผลข้างเคียงคือ ผมร่วง และนิ้วมือช้ำ แต่ผลข้างเคียงนี้ไม่เกิดขึ้นกับพังทองดี สุขภาพร่างกายปกติดี และฟื้นฟูขึ้นอย่างดีวันดีคืน จนปัจจุบันผ่านมา 1 ปีแล้ว ร่างกายของช้างเชือกนี้เกือบเข้าสู่สภาวะปกติ ตรวจพบบาดแผลจากโรคมะเร็งที่บริเวณผิวหนังบ้าง แต่ก็ใช้ยารักษาจนดีขึ้นทั้งหมดแล้ว ทุกวันนี้พังทองดียังคงอยู่ในความดูแลของสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิด และสามารถกินอาหาร ขับถ่ายได้เป็นปกติแล้ว
ทั้งนี้ การตรวจหามะเร็งในช้างไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะยากมากที่ช้างปกติจะป่วยเป็นโรคนี้ สำหรับกรณีของพังทองดีนั้น ไม่ทราบแน่ชัดว่ากินอะไรเข้าไป จนทำให้เกิดเป็นมะเร็งลำไส้ได้ แต่เคราะห์ดีเป็นอย่างยิ่งที่สามารถตรวจพบ และทีมสัตวแพทย์จากหลายมหาวิทยาลัยก็ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันทุ่มเทรักษาช้างเชือกนี้กันอย่างสุดความสามารถ จนประสบความสำเร็จ นับว่าเป็นการรักษาช้างป่วยโรคมะเร็งได้สำเร็จเป็นเชือกแรกในประเทศไทย และอาจเป็นเชือกแรกในโลก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
วันที่ 20 มกราคม 2562 สปริงนิวส์ รายงานว่า น.สพ.ศรัณย์ จันทร์สิทธิเวช ผู้จัดการส่วนอนุรักษ์ช้างลำปาง-กระบี่ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง เปิดเผยข่าวสำคัญที่น่าตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างมาก โดย ทีมสัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยฯ ได้รักษาช้างที่ป่วยเป็นมะเร็งในลำไส้ ขณะนี้สามารถผ่าตัดก้อนเนื้อร้ายที่เป็นมะเร็งออกมาได้สำเร็จแล้ว รวมทั้งทำการรักษาด้วยวิธีแบบการแบบเดียวกับมนุษย์ นั่นก็คือการทำเคมีบำบัด หรือทำคีโม โดยใช้ยาหลายรูปแบบเข้าไปทำลาย ชะลอ หรือหยุดเซลล์มะเร็งที่มีการเติบโตและแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว ผลการรักษาเป็นไปด้วยดี และสุขภาพร่างกายของช้างดีขึ้นอย่างมาก
ช้างดังกล่าวคือเป็นช้างเพศเมีย ชื่อ พังทองดี อายุ 30 ปี มาจากปางช้างแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ โดยพังทองดีเข้ามารับการรักษาที่ศูนย์อนุรักษ์ฯ ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2561 จากการสังเกตอาการเบื้องต้น พบว่าขับถ่ายเป็นเลือดและมีหนองปนออกมา สภาพร่างกายอ่อนแอมาก ทั้งซูบผอมและไร้เรี่ยวแรง ทีมสัตวแพทย์จึงจัดการเจาะเลือดไปตรวจหาสาเหตุอาการเจ็บป่วย ต่อมาทางศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยฯ ได้ประสานงานไปยังสัตวแพทย์จากหลายมหาวิทยาลัย คือ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคณะสัตวแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อขอความช่วยเหลือในการตรวจรักษาพังทองดี
ทีมสัตวแพทย์ได้ใช้เครื่องส่องสแกนสอดท่อเข้าไปในช่องท้องของพังทองดี พบว่ามีก้อนเนื้อขนาดใหญ่อยู่ในช่องท้อง จึงได้ตัดเอาชิ้นเนื้อดังกล่าวมาตรวจพิสูจน์ และพบว่าเป็นก้อนเนื้อมะเร็ง ทีมสัตวแพทย์จึงวางแผนการรักษา โดยได้ประสานงานไปยังหลากหลายวิชาชีพ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จากหลายมหาวิทยาลัย เพื่อขอความช่วยเหลือด้านการเตรียมอุปกรณ์การรักษาพังทองดี จนประสบความสำเร็จในการรักษา สามารถผ่าตัด นำก้อนเนื้อร้ายที่เป็นมะเร็ง หนัก 5 กิโลกรัม ออกมาได้ในที่สุด
หลังจากผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว สัตวแพทย์ก็รักษาพังทองดีตามอาการ และใช้วิธีการให้คีโม จนสามารถควบคุมไม่ให้มะเร็งเกิดลุกลามขึ้นมาอีก ปกติแล้วเมื่อมนุษย์รับการรักษามะเร็งด้วยวิธีนี้ จะมีผลข้างเคียงคือ ผมร่วง และนิ้วมือช้ำ แต่ผลข้างเคียงนี้ไม่เกิดขึ้นกับพังทองดี สุขภาพร่างกายปกติดี และฟื้นฟูขึ้นอย่างดีวันดีคืน จนปัจจุบันผ่านมา 1 ปีแล้ว ร่างกายของช้างเชือกนี้เกือบเข้าสู่สภาวะปกติ ตรวจพบบาดแผลจากโรคมะเร็งที่บริเวณผิวหนังบ้าง แต่ก็ใช้ยารักษาจนดีขึ้นทั้งหมดแล้ว ทุกวันนี้พังทองดียังคงอยู่ในความดูแลของสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิด และสามารถกินอาหาร ขับถ่ายได้เป็นปกติแล้ว
ทั้งนี้ การตรวจหามะเร็งในช้างไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะยากมากที่ช้างปกติจะป่วยเป็นโรคนี้ สำหรับกรณีของพังทองดีนั้น ไม่ทราบแน่ชัดว่ากินอะไรเข้าไป จนทำให้เกิดเป็นมะเร็งลำไส้ได้ แต่เคราะห์ดีเป็นอย่างยิ่งที่สามารถตรวจพบ และทีมสัตวแพทย์จากหลายมหาวิทยาลัยก็ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันทุ่มเทรักษาช้างเชือกนี้กันอย่างสุดความสามารถ จนประสบความสำเร็จ นับว่าเป็นการรักษาช้างป่วยโรคมะเร็งได้สำเร็จเป็นเชือกแรกในประเทศไทย และอาจเป็นเชือกแรกในโลก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
