เปิดแล้ว.. ป้ายรถเมล์อัจฉริยะ บอกเวลารถเข้าป้ายแม่นยำ เล็งเปิดเพิ่ม 10 จุดทั่วกรุง

กรมทางหลวง จับมือ ขสมก. นำร่องเปิดใช้ป้ายรถเมล์อัจฉริยะ บอกเวลารถเมล์มาถึงล่วงหน้า 5 สาย หน้า ปตท. สำนักงานใหญ่ เตรียมเปิดเพิ่ม 10 จุดทั่วกรุงเทพฯ หลังผลตอบรับผู้ใช้บริการดี

ภาพจาก สำนักข่าวไทย

วันที่ 22 มกราคม 2562 สำนักข่าวไทย รายงานว่า นายอภิสิทธิ์ พรหมเสน รองอธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยภายหลังพิธีเปิดศาลาทางหลวงหน้าบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต (ขาออก) ที่ช่วง กม.11+432 ว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดพายุมีฝนตกหนัก ทำให้ศาลาที่พักผู้โดยสารบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหาย กรมทางหลวงจึงเริ่มปรับปรุง และก่อสร้างศาลาทางหลวงเป็นรูปแบบใหม่ โดยบูรณาการร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ติดตั้งป้ายรถเมล์อัจฉริยะแจ้งสายรถเมล์ที่จะวิ่งผ่าน จำนวน 5 สาย โดยจะบอกเวลาล่วงหน้าว่าสายใดจะเข้าจอด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน รวมถึงได้มีการปรับปรุงศาลาทางหลวงขนาดพื้นที่ยาว 20 เมตร ใช้วัสดุอะลูมิเนียมที่มีความทนทาน ที่นั่งเป็นสเตนเลส หลังคาเป็นเมทัลชีทโครงสร้างโดยรวมใช้สีเหลือง เพื่อเพิ่มความความสะดวกในการใช้งาน

นอกจากนี้ในอนาคตกรมทางหลวงยังมีแผนจะปรับปรุงป้ายรถเมล์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลกว่า 10 แห่ง ให้เป็นรูปแบบที่ทันสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะในจุดที่มีประชาชนใช้งานจำนวนมาก เช่น บริเวณหน้ามหาวิทยาลัย สถานที่ชุมชน หรือสถานที่สาธารณะต่าง ๆ อาทิ พื้นที่แขวงทางหลวงนนทบุรี แขวงทางหลวงปทุมธานี แขวงทางหลวงสมุทรสาคร แขวงทางหลวงธนบุรี

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่าผู้โดยสารรถประจำทางส่วนใหญ่ที่มารอขึ้นรถต่างขานรับและชื่นชมป้ายรถเมล์อัจฉริยะที่จัดทำขึ้น โดยนางสาวณัฐฐวี เพ็ชรบุญเพ็ญ ที่ใช้บริการรถเมล์ป้ายนี้เป็นประจำ ระบุว่า เพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้กับผู้ที่ต้องการจะขึ้นรถโดยสารประจำทาง จะได้รู้ว่าต้องใช้เวลารอนานเท่าใด และเป็นเรื่องที่ประเทศไทยน่าจะทำมานานแล้วเช่นเดียวกับในต่างประเทศ เชื่อว่าหากในอนาคตมีการขยายเพิ่มจำนวนป้ายรถเมล์อัจฉริยะให้มากขึ้น จะทำให้ประชาชนหันมาใช้บริการรถเมล์มากขึ้น

ภาพจาก สำนักข่าวไทย

ทั้งนี้สำหรับป้ายรถเมล์อัจฉริยะดังกล่าวเป็นป้ายแรกที่นำร่องจัดทำขึ้น โดยสามารถบอกเวลาของรถเมล์สังกัด ขสมก. เพียง 5 สายที่วิ่งผ่าน ขณะที่รถร่วมบริการของเอกชน ยังไม่สามารถบอกเวลาได้

ภาพจาก สำนักข่าวไทย

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก