กระทรวงการต่างประเทศของไทย ชี้แจงกรณีจับกุมนายฮาคีม วอนอย่าด่วนสรุปว่าไทยจะส่งตัวกลับบาห์เรน เพราะอยู่ที่ดุลพินิจของศาล ไม่สามารถแทรกแซงได้ และร้องขอให้ออสซี่-บาห์เรน หาทางออกร่วมกัน
จากกรณี นายฮาคีม อัล-อาไรบี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน ถูกทางการไทยจับกุมตัวขณะเดินทางมาฮันนีมูนกับภรรยาที่ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 เนื่องจากนายฮาคีมมีรายชื่ออยู่ในหมายแดง เป็นบุคคลที่มีความผิดทางอาญาตามกฎหมายของประเทศบาห์เรนนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 เฟซบุ๊ก กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อประชาชน ได้เผยข้อชี้แจงของกระทรวงการต่างประเทศของไทย เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า ประเทศไทยไม่รู้จัก และไม่ได้มีอคติต่อตัวนายฮาคีม การจับกุมครั้งนี้เกิดจากการแจ้งเตือนเรื่องหมายแดงจากอินเตอร์โพลของประเทศออสเตรเลีย และทางการบาห์เรนก็ได้มีคำร้องขออย่างเป็นทางการให้จับกุมนายฮาคีมและส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
ทำให้ขณะนี้เรื่องของนายฮาคีมอยู่ระหว่างกระบวนการในชั้นศาล ซึ่งทางรัฐบาลไม่สามารถไปแทรกแซงฝ่ายตุลาการได้ และขอทุกฝ่ายอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าทางการไทยจะส่งตัวนายฮาคีมให้กับบาห์เรน เนื่องจากศาลไทยต้องพิจารณาจากข้อมูลหลักฐาน ซึ่งทางการไทยไม่มีส่วนได้ส่วนเสียแต่อย่างใดกับการควบคุมตัวนายฮาคีมไว้
อย่างไรก็ตาม ไทยขอให้ออสเตรเลียและบาห์เรนพูดคุยหาทางออกร่วมกัน และไม่ว่าแนวทางออกจะเป็นรูปแบบไหน ทางประเทศไทยก็ยินดีจะช่วยส่งเสริมให้ผลออกมาในทิศทางที่ดี โดยระบุข้อความทั้งหมดดังนี้...
1. ประเทศไทยไม่รู้จักนายฮาคีม ไม่มีอคติต่อตัวบุคคลและคงไม่ยุ่งเกี่ยวกับการมาไทยจนถูกคุมตัวจับกุมของนายฮาคีม หากไม่ใช่ Interpol ของออสเตรเลียที่ได้แจ้งเตือนเรื่องหมายแดงของนายฮาคีมแต่แรก และหากทางการบาห์เรนไม่ได้มีคำร้องขออย่างเป็นทางการจากรัฐบาลให้จับกุมนายฮาคีมและส่งผู้ร้ายข้ามแดน
2. ขณะนี้เรื่องได้เข้าสู่กระบวนการศาลแล้ว ในการเดินตามขั้นตอนของกฎหมาย ฝ่ายบริหารไม่สามารถแทรกแซงฝ่ายตุลาการได้ ซึ่งเป็นหลักสากลและเชื่อว่าออสเตรเลียก็ยึดถือหลักการนี้เช่นเดียวกัน
3. ขออย่าได้ด่วนสรุปว่าไทยจะส่งตัวนายฮาคีมให้กับบาห์เรน เรื่องนี้ศาลจะพิจารณาตามหลักฐานที่มีอยู่ซึ่งมีพื้นฐานจากหมายจับและหมายศาลของบาห์เรน เมื่อเขาหนีความผิดตามกฎหมายของประเทศบาห์เรนมา และบาห์เรนได้ขอให้คุมตัวเมื่อมาไทย พร้อมกับส่งเอกสารหลักฐานทางกฎหมายให้ฝ่ายไทย พนักงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าเข้าเกณฑ์ตามกฎหมายที่จะส่งฟ้องต่อศาลได้ จึงดำเนินการต่อไปแล้ว
4. ขณะเดียวกันศาลไทยพร้อมรับหลักฐานทุกชิ้นทุกชนิดที่เป็นข้อเท็จจริง และเป็นธรรมต่อนายฮาคีมที่ทนายของนายฮาคีมจะนำส่งให้ศาลพิจารณา
5. ไม่มีส่วนใดของไทย ที่จะได้ประโยชน์จากการควบคุมตัวนายฮาคีม แต่ในฐานะรัฐอธิปไตยที่มีพันธะทางกฎหมายและความถูกต้องต่อสังคมโลก ไทยได้มาพบว่าเพื่อนที่ดีของไทย 2 ประเทศ เกิดแย่งตัวบุคคลคือนายฮาคีมที่มาประเทศไทย โดยเพื่อนคนหนึ่งออกแนวร้องขอความร่วมมือบนพื้นฐานทางกฎหมายและความถูกต้อง แต่เพื่อนอีกคนชอบที่จะอาศัยพื้นฐานทางอำนาจการเมือง และการขยายวงกดดันผ่านแนวร่วม
ในภาวะดังกล่าวไทยมีทางเดินอันชอบธรรมเพียงว่า (1) ให้ความร่วมมือทางด้านกฎหมาย และ (2) เสนอแนะให้เพื่อนที่ดีทั้งสองนี้ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่าย ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันด้วย หันหน้าหารือหาทางออกในปัญหาซึ่งเป็นของตนเองเสีย แทนการคิดผลักดันหาทางออกทางอ้อมจากไทย ซึ่งเผอิญจับพลัดจับผลูมาอยู่ในภาพของประเด็นปัญหานี้ ซึ่งเพื่อน 2 ประเทศของไทยมีระหว่างกันมาแต่ก่อน
6. การขอให้ออสเตรเลียกับบาห์เรนคุยกัน หาทางออกร่วมกัน จึงเป็นท่าทีโดยชอบธรรมของไทย และไม่ว่าแนวทางออกร่วมกันดังกล่าวจะมาในรูปแบบใด ไทยก็ยินดีจะช่วยส่งเสริมให้เป็นจริงและบรรลุผลสัมฤทธิ์ที่เป็น win-win
จากกรณี นายฮาคีม อัล-อาไรบี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน ถูกทางการไทยจับกุมตัวขณะเดินทางมาฮันนีมูนกับภรรยาที่ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 เนื่องจากนายฮาคีมมีรายชื่ออยู่ในหมายแดง เป็นบุคคลที่มีความผิดทางอาญาตามกฎหมายของประเทศบาห์เรนนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 เฟซบุ๊ก กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อประชาชน ได้เผยข้อชี้แจงของกระทรวงการต่างประเทศของไทย เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า ประเทศไทยไม่รู้จัก และไม่ได้มีอคติต่อตัวนายฮาคีม การจับกุมครั้งนี้เกิดจากการแจ้งเตือนเรื่องหมายแดงจากอินเตอร์โพลของประเทศออสเตรเลีย และทางการบาห์เรนก็ได้มีคำร้องขออย่างเป็นทางการให้จับกุมนายฮาคีมและส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
ทำให้ขณะนี้เรื่องของนายฮาคีมอยู่ระหว่างกระบวนการในชั้นศาล ซึ่งทางรัฐบาลไม่สามารถไปแทรกแซงฝ่ายตุลาการได้ และขอทุกฝ่ายอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าทางการไทยจะส่งตัวนายฮาคีมให้กับบาห์เรน เนื่องจากศาลไทยต้องพิจารณาจากข้อมูลหลักฐาน ซึ่งทางการไทยไม่มีส่วนได้ส่วนเสียแต่อย่างใดกับการควบคุมตัวนายฮาคีมไว้
อย่างไรก็ตาม ไทยขอให้ออสเตรเลียและบาห์เรนพูดคุยหาทางออกร่วมกัน และไม่ว่าแนวทางออกจะเป็นรูปแบบไหน ทางประเทศไทยก็ยินดีจะช่วยส่งเสริมให้ผลออกมาในทิศทางที่ดี โดยระบุข้อความทั้งหมดดังนี้...
1. ประเทศไทยไม่รู้จักนายฮาคีม ไม่มีอคติต่อตัวบุคคลและคงไม่ยุ่งเกี่ยวกับการมาไทยจนถูกคุมตัวจับกุมของนายฮาคีม หากไม่ใช่ Interpol ของออสเตรเลียที่ได้แจ้งเตือนเรื่องหมายแดงของนายฮาคีมแต่แรก และหากทางการบาห์เรนไม่ได้มีคำร้องขออย่างเป็นทางการจากรัฐบาลให้จับกุมนายฮาคีมและส่งผู้ร้ายข้ามแดน
2. ขณะนี้เรื่องได้เข้าสู่กระบวนการศาลแล้ว ในการเดินตามขั้นตอนของกฎหมาย ฝ่ายบริหารไม่สามารถแทรกแซงฝ่ายตุลาการได้ ซึ่งเป็นหลักสากลและเชื่อว่าออสเตรเลียก็ยึดถือหลักการนี้เช่นเดียวกัน
3. ขออย่าได้ด่วนสรุปว่าไทยจะส่งตัวนายฮาคีมให้กับบาห์เรน เรื่องนี้ศาลจะพิจารณาตามหลักฐานที่มีอยู่ซึ่งมีพื้นฐานจากหมายจับและหมายศาลของบาห์เรน เมื่อเขาหนีความผิดตามกฎหมายของประเทศบาห์เรนมา และบาห์เรนได้ขอให้คุมตัวเมื่อมาไทย พร้อมกับส่งเอกสารหลักฐานทางกฎหมายให้ฝ่ายไทย พนักงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าเข้าเกณฑ์ตามกฎหมายที่จะส่งฟ้องต่อศาลได้ จึงดำเนินการต่อไปแล้ว
4. ขณะเดียวกันศาลไทยพร้อมรับหลักฐานทุกชิ้นทุกชนิดที่เป็นข้อเท็จจริง และเป็นธรรมต่อนายฮาคีมที่ทนายของนายฮาคีมจะนำส่งให้ศาลพิจารณา
5. ไม่มีส่วนใดของไทย ที่จะได้ประโยชน์จากการควบคุมตัวนายฮาคีม แต่ในฐานะรัฐอธิปไตยที่มีพันธะทางกฎหมายและความถูกต้องต่อสังคมโลก ไทยได้มาพบว่าเพื่อนที่ดีของไทย 2 ประเทศ เกิดแย่งตัวบุคคลคือนายฮาคีมที่มาประเทศไทย โดยเพื่อนคนหนึ่งออกแนวร้องขอความร่วมมือบนพื้นฐานทางกฎหมายและความถูกต้อง แต่เพื่อนอีกคนชอบที่จะอาศัยพื้นฐานทางอำนาจการเมือง และการขยายวงกดดันผ่านแนวร่วม
ในภาวะดังกล่าวไทยมีทางเดินอันชอบธรรมเพียงว่า (1) ให้ความร่วมมือทางด้านกฎหมาย และ (2) เสนอแนะให้เพื่อนที่ดีทั้งสองนี้ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่าย ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันด้วย หันหน้าหารือหาทางออกในปัญหาซึ่งเป็นของตนเองเสีย แทนการคิดผลักดันหาทางออกทางอ้อมจากไทย ซึ่งเผอิญจับพลัดจับผลูมาอยู่ในภาพของประเด็นปัญหานี้ ซึ่งเพื่อน 2 ประเทศของไทยมีระหว่างกันมาแต่ก่อน
6. การขอให้ออสเตรเลียกับบาห์เรนคุยกัน หาทางออกร่วมกัน จึงเป็นท่าทีโดยชอบธรรมของไทย และไม่ว่าแนวทางออกร่วมกันดังกล่าวจะมาในรูปแบบใด ไทยก็ยินดีจะช่วยส่งเสริมให้เป็นจริงและบรรลุผลสัมฤทธิ์ที่เป็น win-win
7. ไทยหวังว่าทั้งออสเตรเลียและบาห์เรนจะมีมิตรไมตรีที่ดีเพียงพอที่จะจริงใจร่วมกันหาทางออกของเรื่องนี้ หากผลลัพธ์เป็น win-win เชื่อได้แน่นอนว่า คนไทยและผู้คนในภาคส่วนต่าง ๆ ของโลกที่รับรู้เรื่องนี้ จะสรรเสริญทั้งออสเตรเลียและบาห์เรนอย่างแน่นอน








