พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชี้ การร่วมดีเบตเป็นเรื่องของพรรคการเมือง แต่อยากฝากข้อคิด อย่าเชื่อคนพูดเก่งอย่างเดียว แต่ปฏิบัติไม่ได้ ส่วนตัวไม่เข้าข้างใคร
ภาพจาก สำนักข่าว INN
สำหรับเหตุการณ์วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา บุคคลที่เกี่ยวข้องควรออกมารับผิดชอบหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่มีความคิดเห็น เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ส่วนการวางตัวและบทบาทในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังจากนี้ ตนจะระมัดระวังให้มากที่สุด โดยจะปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์และกฎหมายของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. แต่กิจกรรมที่เป็นเรื่องสำคัญของประเทศและเกี่ยวข้องกับรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีต้องขับเคลื่อนและดำเนินการต่อไป จึงขออย่านำไปเป็นประเด็นการเมือง เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของอนาคต รวมถึงการเลือกตั้งที่เป็นเรื่องของอนาคตเช่นเดียวกัน ว่าจะกำหนดบทบาทของประเทศอย่างไร ดังนั้นประชาชนต้องเรียนรู้ด้วย
ภาพจาก สำนักข่าว INN
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.
กล่าวถึงกรณีที่ถูกเสนอรายชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่า
ส่วนตัวไม่รู้สึกกดดัน เพราะทุกวันทำงานเต็มที่อยู่แล้ว
ในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.
ส่วนเรื่องของการเมืองให้พรรคการเมืองดำเนินการไป
สำหรับเหตุการณ์วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา บุคคลที่เกี่ยวข้องควรออกมารับผิดชอบหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่มีความคิดเห็น เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ส่วนการวางตัวและบทบาทในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังจากนี้ ตนจะระมัดระวังให้มากที่สุด โดยจะปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์และกฎหมายของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. แต่กิจกรรมที่เป็นเรื่องสำคัญของประเทศและเกี่ยวข้องกับรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีต้องขับเคลื่อนและดำเนินการต่อไป จึงขออย่านำไปเป็นประเด็นการเมือง เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของอนาคต รวมถึงการเลือกตั้งที่เป็นเรื่องของอนาคตเช่นเดียวกัน ว่าจะกำหนดบทบาทของประเทศอย่างไร ดังนั้นประชาชนต้องเรียนรู้ด้วย
ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ หรือ พปชร. ชูชื่อตนเองในการหาเสียง
หลังจากตอบรับเป็นบัญชีนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นเรื่องของพรรคดำเนินการ
ส่วนที่มีประชาชนมาสอบถามว่าจะมีโอกาสได้เจอกับตนหรือไม่นั้น
ทุกวันนี้ก็พบอยู่แล้ว เพราะมาทำงานทุกวันไม่เคยหยุดราชการ
จึงขออย่านำทุกอย่างมาเป็นประเด็น
และยังมีโอกาสพบประชาชนในหลายโอกาสที่สามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย
ซึ่งส่วนตัวได้หารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาโดยตลอด
ส่วนการร่วมดีเบตกับนักการเมืองในเวทีต่าง ๆ นั้น
เป็นเรื่องของพรรคการเมือง
และส่วนตัวต้องพิจารณาว่ากฎหมายสามารถทำได้หรือไม่ได้ และควรหรือไม่ควร
นอกจากนี้
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกรณีมีการปล่อยข่าวลือและข่าวลวงจำนวนมากในช่วงสถานการณ์ขณะนี้ว่า
ขอให้ทุกคนช่วยติดตาม ซึ่งส่วนตัวไม่อยากไปเกี่ยวข้องมากนัก
แต่จะดูแลในเรื่องของกฎหมาย และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
โดยขอร้องให้ทุกฝ่ายอย่าหลงเชื่อทันที
แต่ต้องคิดถึงความถูกต้องของประเทศชาติให้มาก และต้องมีสติในการรับรู้ข่าวสาร
ทั้งนี้ การบิดเบือนจะทำให้ประเทศเสียหาย ดังนั้นอย่าเผยแพร่ข่าวลือ
แต่ควรเผยแพร่ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ ว่าวันนี้มีการแก้ไขไปอย่างไรแล้ว
เพื่อให้ประชาชนมีหลักคิดที่ถูกต้องและมีเหตุผลในการเลือกตั้ง
มากกว่าการเลือกตั้งแบบเดิม ๆ ด้วยความใกล้ชิดและความสัมพันธ์ส่วนตัว
จึงต้องทำให้ได้ ส.ส. และรัฐบาลที่ดีมีธรรมาภิบาลเข้ามา
เรื่องความเหมาะสมในการจัดรายการคืนความสุขฯ ที่ถูกมองว่าได้เปรียบคนอื่นนั้น นายกฯ เผยว่า วันนี้เนื้อหารายการเป็นเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดิน และไม่ได้เป็นการพูดถึงเรื่องการเมืองและหาเสียงให้ใคร เพราะจำเป็นที่ต้องให้ประชาชนเรียนรู้ว่าปัญหาต่าง ๆ แก้ไขอย่างไร จะเห็นได้ว่าการแก้ไขปัญหาบางเรื่องใช้ปัญหา 4 ปี และไม่ได้แก้ไขปัญหาด้วยคำพูด จึงอยากให้เข้าใจตรงนี้ ดังนั้นเรื่องใดที่จบไปแล้วก็จบไป และอย่าให้มีปัญหาต่อไป เพราะจะมีคนที่โพสต์อยู่ในโซเชียลจำนวนมาก จึงต้องลดความขัดแย้งให้มากที่สุด ในสิ่งที่ไม่ใช่ประเด็นและวาระสำคัญ
ขณะเดียวกัน ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกสำนัก และขอให้มีการปรับตัว เพราะตนเองก็ปรับตัว ดังนั้นพรรคการเมืองและนักการเมืองทุกพรรคก็ต้องปรับตัว ไม่ได้หมายความว่าใครทำดีหรือทำไม่ดี แต่ทุกคนต้องปรับตัวเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ส่วนกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักษาชาติ หรือ ทษช. ยื่น กกต. สอบคุณสมบัตินั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ไม่มีสาระ
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN
ทั้งนี้ ส่วนตัวอยากฝากข้อคิดว่า การดีเบตและพูดอะไรก็ตาม
ขออย่าเชื่อหรือฟังคนที่พูดเก่งอย่างเดียว แต่ปฏิบัติไม่ได้ในหลายอย่าง
ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการใช้จ่ายงบประมาณ รวมถึงวิธีการทำงานก็ไม่ใช่ง่าย ๆ
เพราะมีสภา มีกฎหมายใหม่ และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ดังนั้นการให้สิ่งต่าง ๆ
เป็นไปไม่ได้ และภาษีเป็นของคนทุกฝ่ายในประเทศ
จึงขอให้มองผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นว่าเป็นไปได้จริงหรือไม่
ซึ่งส่วนตัวไม่ได้เข้าข้างใครทั้งสิ้น
ภาพจาก สำนักข่าว INN
เรื่องความเหมาะสมในการจัดรายการคืนความสุขฯ ที่ถูกมองว่าได้เปรียบคนอื่นนั้น นายกฯ เผยว่า วันนี้เนื้อหารายการเป็นเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดิน และไม่ได้เป็นการพูดถึงเรื่องการเมืองและหาเสียงให้ใคร เพราะจำเป็นที่ต้องให้ประชาชนเรียนรู้ว่าปัญหาต่าง ๆ แก้ไขอย่างไร จะเห็นได้ว่าการแก้ไขปัญหาบางเรื่องใช้ปัญหา 4 ปี และไม่ได้แก้ไขปัญหาด้วยคำพูด จึงอยากให้เข้าใจตรงนี้ ดังนั้นเรื่องใดที่จบไปแล้วก็จบไป และอย่าให้มีปัญหาต่อไป เพราะจะมีคนที่โพสต์อยู่ในโซเชียลจำนวนมาก จึงต้องลดความขัดแย้งให้มากที่สุด ในสิ่งที่ไม่ใช่ประเด็นและวาระสำคัญ
ขณะเดียวกัน ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกสำนัก และขอให้มีการปรับตัว เพราะตนเองก็ปรับตัว ดังนั้นพรรคการเมืองและนักการเมืองทุกพรรคก็ต้องปรับตัว ไม่ได้หมายความว่าใครทำดีหรือทำไม่ดี แต่ทุกคนต้องปรับตัวเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ส่วนกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักษาชาติ หรือ ทษช. ยื่น กกต. สอบคุณสมบัตินั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ไม่มีสาระ
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN