คดีช็อกสังคม ลูกชายฆ่าแม่-โยนศพทิ้งขยะ ปมแค้นเรื่องเงิน จะถูกตัดออกจากมรดก

         หนุ่มอเมริกัน วัย 22 ปี ก่อเหตุฆ่าแม่แท้ ๆ วัย 65 ปี ก่อนให้แฟนสาวและเพื่อนมาช่วยกันอำพรางศพ โยนทิ้งขยะนอกบ้าน เผยปมเหตุอาจมาจากถูกแม่ตัดจากกองมรดก แต่เจ้าตัวอ้างไม่ได้ทำ


         เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศบนสังคมออนไลน์ อธิบายรูปพรรณสัณฐานของเธอ และเสื้อผ้าที่เธอใส่ในครั้งสุดท้ายที่พบ เพื่อให้ชาวโซเชียลช่วยกันกระจายข่าวในการติดตามค้นหาอีกแรง

         ทว่าในวันต่อมา ครอบครัวก็ต้องตกตะลึงและโศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะตำรวจพบศพพอลลาอยู่ในถุงขยะ ถูกทิ้งอยู่บริเวณกองขยะ นอกที่พักสุดสัปดาห์ของครอบครัว ในเมืองมอร์ริสทาวน์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้ามาสืบสวนเรื่องนี้โดยเร่งด่วน กระทั่งพบว่าผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในคดีนี้คือ จาเร็ด อิง วัย 22 ปี ลูกชายคนเล็กของพอลลา


         จากการรายงานของเว็บไซต์นิวยอร์กไทมส์ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2562 ระบุว่า ศพของพอลลาถูกนำส่งชันสูตรที่สำนักงานนิติเวช โดยเจ้าหน้าที่พบว่าศีรษะของเธอมีร่องรอยถูกของแข็งกระแทกหลายครั้ง และพบบาดแผลจากของมีคมแทงที่ลำคอของเธอ

         เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดจากบริเวณอพาร์ตเมนต์ของผู้เสียชีวิต กระทั่งพบว่าในช่วงกลางดึกของวันที่ 31 มกราคม หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งขับรถมาจอดด้านหน้าอพาร์ตเมนต์ ต่อมาในเวลาประมาณ 02.31 น. ชายหนุ่มคนหนึ่งออกมาจากอพาร์ตเมนต์ หอบเอาถุงขยะขนาดใหญ่มาใส่กระโปรงท้ายรถ และขึ้นรถขับออกไป โดยรถคันดังกล่าวเป็นชื่อของพอลลา ผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ได้ติดตามค้นหารถคันดังกล่าวจนพบในที่สุด โดยภายในรถพบพรม ผ้าห่ม เสื้อผ้า และเทปกาวอเนกประสงค์ สิ่งของทุกชิ้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจำนวนมาก

         สำหรับบุคคลที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด พบว่าผู้ชายคือ จาเร็ด อิง วัย 22 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิต ส่วนผู้หญิงในรถ คือ เจนนิเฟอร์ โลเปซ อายุ 18 ปี เพื่อนของจาเร็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมพวกเขาทั้ง 2 คนทันที รวมทั้งจับกุม เคทลีน โอรูก วัย 22 ปี แฟนสาวของจาเร็ดด้วย เนื่องจากเธอก็ได้ช่วยเหลือจาเร็ดในการจัดการกับศพ โดยทั้งสามถูกแจ้งข้อหาพยายามทำลายหลักฐานและอำพรางซุกซ่อนศพ


         เคทลีนเล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่า จาเร็ดได้ส่งข้อความมาบอกเธอกับเจนนิเฟอร์ว่า เขาได้ลงมือฆ่าแม่ของตัวเอง และต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าที่เธอจะขาดใจตาย เขาบอกว่าเขาทำความสะอาดทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว แต่จุดที่ยากที่สุดคือการแบกศพลงมาใส่รถ ซึ่งเจนนิเฟอร์เป็นคนขับรถไปรับเขา

         หลังจากนั้นทั้งสามคนก็นำศพไปยังอพาร์ตเมนต์ในนิวเจอร์ซีย์ ที่พักอีกแห่งหนึ่งของพอลลา พยายามเช็ดล้างทำความสะอาดเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือด และทิ้งศพเอาไว้แถว ๆ นั้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พบคราบเลือดและถุงมือเปื้อนเลือดในอพาร์ตเมนต์ดังกล่าวด้วย


         ข้อมูลจากนิวยอร์กเดลินิวส์ ระบุว่า ครอบครัวของพอลลาค่อนข้างมีฐานะ สามีของเธอเสียชีวิตในปี 2551 ด้วยโรคมะเร็ง และทิ้งทรัพย์สมบัติเอาไว้ให้ เธอมีเงินอยู่ในบัญชีธนาคารประมาณ 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 343 ล้านบาท อีกทั้งยังมีรายได้จากการเก็บค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ 2 แห่ง ในย่านไทรเบคา อีกเดือนละ 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 375,000 บาท จากการสืบสวนพบว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ พอลลาได้มีแผนขับไล่จาเร็ดออกไปจากบ้าน และจะไม่ยกมรดกจากสามีให้กับเขา

         ทางด้าน พีเพิล รายงานว่า จาเร็ดคือผู้ต้องสงสัยคนสำคัญของการฆาตกรรมพอลลา และไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว โดยเจ้าหน้าที่ได้สอบถามจาเร็ดว่าได้ฆ่าแม่เพราะปัญหาเรื่องมรดกหรือไม่ แต่จาเร็ดได้ปฏิเสธเรื่องนี้

         "ผมไม่ได้ทำ ผมรักแม่ เธอให้ผมทุก ๆ อย่าง" จาเร็ด กล่าวระหว่างถูกสอบปากคำ

         จาเร็ดยอมรับว่าเขารู้ว่าแม่มีเงินมากมาย แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่าเธอ และเสียใจที่เธอเสียชีวิต ทว่าในภายหลังเขาก็ให้การกลับกันว่า เขาอาจจะลงมือฆ่าเธอ แต่ยังไม่ยอมรับสารภาพว่าลงมือทำจริง ๆ อีกทั้งยังอ้างว่าเขาประสบปัญหาทางอารมณ์หลังจากพ่อเสียชีวิต ต้องเข้ารับการบำบัด และเคยคิดฆ่าตัวตาย