เชียงใหม่กำหนดมาตรการแก้ปัญหาฝุ่นละอองเป็นวาระเร่งด่วน ด้านผู้ว่าฯ ประกาศย้ำ 61 วันห้ามเผาเด็ดขาด เริ่ม 1 มี.ค. - 30 เม.ย. หากพบคนเผาแจ้งดำเนินคดีทันที ด้านศูนย์วิจัยและพัฒนากฎหมาย มช. จี้หน่วยงานรัฐส่วนภูมิภาคเร่งแก้ปัญหาด่วน ขู่ ถ้ายังเฉยอยู่ จะร้องเรียนให้ลาออกไป
โดยทางจังหวัดได้กำหนดช่วง 61 วัน ห้ามเผาเด็ดขาด เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม - 30 เมษายน 2562 หากพบการเผาหลังจากนี้ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีได้ทันที และคนที่แจ้งเบาะแสไปจนสามารถจับกุมผู้ที่เผาได้จะมีรางวัลนำจับให้ด้วย
สำหรับมาตรการแก้ปัญหา มีดังนี้
1. กำหนดให้มีการบริหารจัดการแหล่งกำเนิดมลพิษฝุ่นละออง และฝุ่นควันทั้งบนพื้นถนน อาทิ การก่อสร้างอาคาร กิจการอุตสาหกรรมโรงงาน และการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ต้องไม่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กแพร่กระจาย ด้วยการเก็บกวาดวัสดุที่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง ล้างถนน ฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่มความชุ่มชื่นในอากาศ หากในช่วงที่มีค่ามลพิษสูง ต้องเพิ่มความถี่ฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่ม โดยเฉพาะ เวลา 06.00-08.00 น. และ 18.00-20.00 น. หรือ ตามความเหมาะสมทุกวัน
2. กำหนดให้มีการจัดการแหล่งมลพิษจากการจราจรและขนส่ง โดยการตรวจและแก้ไขปัญหาควันดำ ทั้งรถยนต์ขนาดเล็ก-ใหญ่ และรถโดยสารสาธารณะ โดยเฉพาะรถบรรทุก หรือรถขนย้ายวัสดุการก่อสร้างต้องใช้ผ้าใบปกคลุมให้มิดชิด เขตก่อสร้างต้องมีการล้างล้อรถและหมั่นทำความสะอาด รวมทั้งรณรงค์ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวในพื้นที่การจราจรหนาแน่น และไม่ติดเครื่องยนต์ขณะจอดในพื้นที่เสี่ยง เช่น สถานที่ราชการ โรงพยาบาล โรงเรียน เป็นต้น
3. กำหนดให้ส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตรวจสอบบำรุงรักษายานพาหนะให้อยู่ในสภาพดี หากมีปัญหาก่อมลพิษ ให้หยุดใช้งานจนกว่าจะซ่อมแซมเสร็จ
4. กำหนดให้มีการควบคุมกำกับแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทโรงงานอุตสาหกรรม หากตรวจพบว่ามีการปล่อยมลพิษเกินมาตรฐานที่กำหนด จะต้องถูกดำเนินการตามระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
5. กำหนดให้เข้มงวดเรื่องห้ามมีการเผาทุกประเภทในที่โล่ง ทั้งในสถานที่ราชการ เอกชน ที่สาธารณประโยชน์ พื้นที่เกษตรกรรม บ้านเรือนที่อยู่อาศัย และพื้นที่อื่น ๆ
6. กำหนดขอความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนทุกครัวเรือน ช่วยลดฝุ่นละอองที่ฟุ้งกระจายในอากาศ โดยมีการฉีดพ่นน้ำล้างทำความสะอาดเพิ่มความชุ่มชื้นในพื้นที่ ทั้งในสถานที่ราชการ สวนสาธารณะ วัด ถนน และในบ้านเรือน เป็นต้น
7. กำหนดให้มีการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวในทุกพื้นที่ ทั้งเขตเมืองและชนบท เพื่อดักจับฝุ่นละอองและช่วยฟอกอากาศ
8. กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ดำเนินการประชาสัมพันธ์แจ้งข้อมูลข่าวสาร ทั้งข้อมูลฝุ่นละอองที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ การดูแลสุขภาพ ตลอดจน ผลกระทบทางด้านอื่น ๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก PR Chiangmai
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 เว็บไซต์ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ รายงานว่า นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
เผยถึงแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าของจังหวัดเชียงใหม่
โดยได้ประกาศให้ปัญหาจากฝุ่นละอองเป็นวาระสำคัญที่จะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการเกิดไฟป่า การเผาในที่โล่ง ทั้งในเขตเมือง ชนบท
และพื้นที่เกษตรกรรม ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ
และการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
โดยทางจังหวัดได้กำหนดช่วง 61 วัน ห้ามเผาเด็ดขาด เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม - 30 เมษายน 2562 หากพบการเผาหลังจากนี้ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีได้ทันที และคนที่แจ้งเบาะแสไปจนสามารถจับกุมผู้ที่เผาได้จะมีรางวัลนำจับให้ด้วย
1. กำหนดให้มีการบริหารจัดการแหล่งกำเนิดมลพิษฝุ่นละออง และฝุ่นควันทั้งบนพื้นถนน อาทิ การก่อสร้างอาคาร กิจการอุตสาหกรรมโรงงาน และการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ต้องไม่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กแพร่กระจาย ด้วยการเก็บกวาดวัสดุที่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง ล้างถนน ฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่มความชุ่มชื่นในอากาศ หากในช่วงที่มีค่ามลพิษสูง ต้องเพิ่มความถี่ฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่ม โดยเฉพาะ เวลา 06.00-08.00 น. และ 18.00-20.00 น. หรือ ตามความเหมาะสมทุกวัน
2. กำหนดให้มีการจัดการแหล่งมลพิษจากการจราจรและขนส่ง โดยการตรวจและแก้ไขปัญหาควันดำ ทั้งรถยนต์ขนาดเล็ก-ใหญ่ และรถโดยสารสาธารณะ โดยเฉพาะรถบรรทุก หรือรถขนย้ายวัสดุการก่อสร้างต้องใช้ผ้าใบปกคลุมให้มิดชิด เขตก่อสร้างต้องมีการล้างล้อรถและหมั่นทำความสะอาด รวมทั้งรณรงค์ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวในพื้นที่การจราจรหนาแน่น และไม่ติดเครื่องยนต์ขณะจอดในพื้นที่เสี่ยง เช่น สถานที่ราชการ โรงพยาบาล โรงเรียน เป็นต้น
3. กำหนดให้ส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตรวจสอบบำรุงรักษายานพาหนะให้อยู่ในสภาพดี หากมีปัญหาก่อมลพิษ ให้หยุดใช้งานจนกว่าจะซ่อมแซมเสร็จ
4. กำหนดให้มีการควบคุมกำกับแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทโรงงานอุตสาหกรรม หากตรวจพบว่ามีการปล่อยมลพิษเกินมาตรฐานที่กำหนด จะต้องถูกดำเนินการตามระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
5. กำหนดให้เข้มงวดเรื่องห้ามมีการเผาทุกประเภทในที่โล่ง ทั้งในสถานที่ราชการ เอกชน ที่สาธารณประโยชน์ พื้นที่เกษตรกรรม บ้านเรือนที่อยู่อาศัย และพื้นที่อื่น ๆ
6. กำหนดขอความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนทุกครัวเรือน ช่วยลดฝุ่นละอองที่ฟุ้งกระจายในอากาศ โดยมีการฉีดพ่นน้ำล้างทำความสะอาดเพิ่มความชุ่มชื้นในพื้นที่ ทั้งในสถานที่ราชการ สวนสาธารณะ วัด ถนน และในบ้านเรือน เป็นต้น
7. กำหนดให้มีการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวในทุกพื้นที่ ทั้งเขตเมืองและชนบท เพื่อดักจับฝุ่นละอองและช่วยฟอกอากาศ
8. กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ดำเนินการประชาสัมพันธ์แจ้งข้อมูลข่าวสาร ทั้งข้อมูลฝุ่นละอองที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ การดูแลสุขภาพ ตลอดจน ผลกระทบทางด้านอื่น ๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม
มีรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์วิจัยและพัฒนากฎหมาย คณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง ฝุ่นและปัญหาของระบบรัฐราชการรวมศูนย์
เนื่องจากเห็นว่า
ทางราชการส่วนภูมิภาคจัดการปัญหานี้ได้อย่างล่าช้าและสะท้อนให้เห็นว่า
ไม่ได้ให้ความสำคัญกับชีวิตของประชาชนในท้องถิ่นแต่อย่างใด
และมีทีท่าว่าปัญหาดังกล่าวจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
จึงได้ออกมาเรียกร้องให้มีการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน
ไม่เช่นนั้นทางศูนย์วิจัยจะขอเรียกร้องให้มีการโยกย้ายผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบออกจากตำแหน่งไป
ภาพจาก เฟซบุ๊ก PR Chiangmai
ภาพจาก เฟซบุ๊ก PR Chiangmai
ภาพจาก เฟซบุ๊ก PR Chiangmai
ภาพจาก เฟซบุ๊ก PR Chiangmai
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก