สาวเล่าประสบการณ์ฝันร้าย ตอนอายุ 14 ปี ถูกหลอกให้บินข้ามประเทศ เข้าใจว่าได้ไปเที่ยวเยี่ยมญาติ สุดท้ายถูกมัดมือชกให้แต่งงานกับสามีซาตาน โดนจับขังทรมานแสนสาหัส 4 ปี
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562 เว็บไซต์เดลี่เมล เผยว่า แทสนีม ฟาคัวรี หญิงสาวชาวออสเตรเลีย ปัจจุบันอายุ 20 ปี เธอได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวฝันร้ายสุดสะเทือนใจ เมื่อตอนที่เธออายุเพียง 14 ปี เธอถูกหลอกให้ไปเที่ยวพักผ่อนที่ประเทศเลบานอน ในภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าถูกคลุมถุงชน ถูกหลอกให้แต่งงานกับสามีซาตาน โดนจับขังและทำร้ายทรมานอย่างแสนสาหัส ราวกับตกอยู่ในนรกนานถึง 4 ปี
แทสนีม ถูกหลอกให้นั่งเครื่องบินเดินทางไปยังหมู่บ้านในเมืองตริโปลี โดยเธอเข้าใจว่าจะได้ไปหาตาและยายที่นั่น แต่เมื่อไปถึงกลับมีชายรายหนึ่งอายุมากกว่าเธอถึง 10 ปี มารับและพาเธอไปที่บ้านของเขาแทน หลังจากนั้น เธอก็ตกเป็นภรรยาของชายรายนี้ เมื่อความจริงปรากฏ ถึงได้รู้ว่า เธอถูกหลอก
รายงานระบุว่า ชายรายดังกล่าวมีประวัติอาชญากรรมติดตัว ทั้งเรื่องใช้ความรุนแรง และเรื่องยาเสพติด แต่ตอนนั้นแทสนีมยังเด็กเกินกว่าที่จะรู้ถึงภัยอันตรายที่จะคืบคลานมา เธอคิดว่าเธออาจจะได้มีชีวิตแต่งงานที่สวยงามกับผู้ชายคนนั้นก็ได้ "ตอนนั้นฉันอายุ 14 สิ่งที่ฉันคิดมีแต่ความฝันที่สวยงาม สวมชุดเจ้าขาวสีขาว แค่นั้น" แทสนีม กล่าว
ทว่าฝันที่แสนสวยงามของแทสนีมก็พังลงในพริบตา เมื่อสามีของเธอเริ่มต้นทำร้ายร่างกายเธอ โดยเขาจะบอกกับเธอว่า ที่ตีและทำร้ายเธอเป็นเพราะว่า เขารักเธอ และอยากให้เธอได้รับสิ่งที่ดีที่สุด เธออยากจะหนีออกมาจากขุมนรกแห่งนั้น แต่เพื่อนบ้าน และคนที่รู้จักสามีของเธอต่างหัวเราะ และกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เธอไม่มีทางหนีไปไหนพ้น ทำให้เธอต้องทนเรื่อยมา
แทสนีม เล่าว่า เธอรู้สึกเจ็บปวดทุกข์ทรมานมาก ถึงขนาดเข้าไปยืนมองมีดที่ตั้งอยู่ในครัว อยากจะจบทุกสิ่งทุกอย่างลงด้วยความเวทนาชีวิตของตัวเอง กระทั่งในที่สุด พ่อของเธอ ได้ช่วยเหลือให้เธอหลบหนีออกมาจากที่นั่นได้สำเร็จ เมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่ผ่านมา และเธอได้เลิกติดต่อกับสามีซาตานทุกช่องทางตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ปัจจุบัน แทสนีมได้ออกมาต่อสู้เพื่ออิสรภาพของเด็กสาวรายอื่น ๆ ที่ต้องเป็นเหยื่อมีชะตากรรมเดียวกันกับเธอ โดยกว่า 70 เคส ในช่วงเดือนมกราคม 2560 ถึงเดือนกันยายน 2561 มีกรณีของเด็กอายุ 10 ขวบและต่ำกว่านั้น ถึง 6 เคส ซึ่ง 3 คนในจำนวนนี้ มีอายุเพียงแค่ 6 ขวบเท่านั้น โดยแทสนีมเผยว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่น่าอัปยศอดสูและน่าเศร้ามากที่สุด ทั้งนี้เธอตั้งใจที่จะเขียนหนังสือเพื่อบอกเล่าประสบการณ์ และเป็นอุทาหรณ์ให้เด็กสาวได้ตระหนักถึงภัยอันตรายนี้
