เผยโฉมชายนักวิ่งชาวอเมริกัน ผู้รอดชีวิตมาได้จากการฆ่าสิงโตภูเขาด้วยมือเปล่า เปิดใจเล่านาทีเป็นนาทีตาย เผยวิธีการต่อสู้จนสามารถสยบเจ้าป่าได้สำเร็จ
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 เว็บไซต์เดลี่เมล เผยเรื่องราวของ ทราวิส คอฟฟ์แมน หนุ่มนักวิ่งชาวอเมริกันวัย 31 ปี จากรัฐโคโลราโด สหรัฐฯ ผู้ปลิดชีพสิงโตภูเขา ด้วยมือเปล่า จากกันสู้กันแบบดุเดือด และสามารถเอาชีวิตมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยภายหลังจากอาการบาดเจ็บทุเลาลง เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เขาได้ออกมาเล่าประสบการณ์นาทีเป็นนาทีตายผ่านการสัมภาษณ์กับทางหน่วยงานคุ้มครองสัตว์ป่า Colorado Parks and Wildlife
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา ทราวิสไปวิ่งเทรลที่เขตอุทยานเขาฮอร์สทูธ ในฟอร์ตคอลลินส์ ของรัฐโคโลราโด กระทั่งจังหวะหนึ่ง เขาได้ยินเสียงดังกรอบแกรบจากพุ่มไม้ที่ด้านหลัง จึงคิดว่าน่าจะมีสัตว์ป่าตามมา ทราวิสเผยว่า "พอผมมั่นใจว่าสิ่งที่คิดเป็นจริง มีสิงโตภูเขาตามหลังมาห่างราว 3 เมตร ผมก็รู้สึกผวากลัวขึ้นมาทันที ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม"
ไม่มีเวลาให้ทราวิสได้ตั้งตัว สิงโตภูเขากระโจนเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว มันตะปบเข้าที่ข้อมือ แขน ใบหน้า และคอของเขา นาทีนั้นเขาเปลี่ยนความกลัวทั้งหมดเป็นแรงฮึด กลั้นใจสู้กลับสิงโตอย่างไม่คิดชีวิต เขาใช้พลังผลักมันจนล้มลงไปที่พื้นได้ จากนั้นก็หยิบก้อนหินตีหัวมัน แล้วคว้ากิ่งไม้มาพยายามแทงเข้าที่คอมัน แต่ไม่เป็นผล
ทราวิสและศัตรูเจ้าป่าสู้กันอุตลุด
ก่อนเขาจะใช้หัวเข่าตรึงขาหลังของสิงโตเอาไว้ได้
จากนั้นก็ใช้เท้ารัดคอมันเพื่อปิดกั้นหลอดลมให้มันขาดอากาศหายใจ
มันพยายามสู้และตะปบข่วนเขา แต่สุดท้ายมันก็แน่นิ่งและหมดลมหายใจไปในที่สุด
หลังจากนั้น ทราวิสก็รีบเอาชีวิตรอด พาร่างโชกเลือดของตัวเองออกมาจากป่า
ทราวิสเผยว่า การต่อสู้ของเขาและสิงโตดำเนินไปนานกว่า 10 นาที ซึ่งในตอนสุดท้ายนั้น เขาก็ไม่มั่นใจว่ามันตายแล้วจริง ๆ หรือไม่ ตอนนั้นเขาสติแตกขั้นสุด คิดแต่ว่าต้องรีบออกมาจากที่นั่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะกลัวว่าจะมีพวกมันหรือสัตว์ป่าตัวอื่นตามมาอีก กระทั่งพบนักวิ่งรายอื่น จึงได้รับการช่วยเหลือพาตัวส่งโรงพยาบาล
ทราวิสได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลหลายแห่งทั่วร่างกาย จุดที่ใหญ่ที่สุดเป็นที่บริเวณจมูกและแก้ม เป็นแผลเหวอะขนาดใหญ่ เย็บไป 20 เข็ม ด้านเจ้าหน้าที่หน่วยงานคุ้มครองสัตว์ป่าฯ เผยว่า นับเป็นความโชคดีและเหลือเชื่ออย่างยิ่ง ที่ทราวิสสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ เนื่องจากสิงโตภูเขาเป็นนักล่าประเภทซุ่มโจมตี มีความเร็วและร้ายกาจพิฆาตศัตรูได้
ภายหลังจากเกิดเหตุ พื้นที่ดังกล่าวได้ถูกปิดไป ก่อนจะเพิ่งมาเปิดอีกครั้งในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ในรายงานของนิวยอร์กไทมส์ เผยว่า สำหรับทราวิส ในอนาคตเขามีแพลนที่จะกลับไปวิ่งที่นั่นอีก แต่หากมีครั้งนั้นจริง เขาจะไม่วิ่งคนเดียว จะไปกับเพื่อนด้วย พร้อมทั้งแนะนำให้นักวิ่งเทรลรายอื่นอย่าวิ่งตามลำพังเช่นเดียวกัน และเตือนด้วยว่าอย่าฟังเพลงระหว่างวิ่งเทรล เพราะมันจะทำให้ไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง ซึ่งอาจจะหมายถึงอันตรายถึงชีวิตได้
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา ทราวิสไปวิ่งเทรลที่เขตอุทยานเขาฮอร์สทูธ ในฟอร์ตคอลลินส์ ของรัฐโคโลราโด กระทั่งจังหวะหนึ่ง เขาได้ยินเสียงดังกรอบแกรบจากพุ่มไม้ที่ด้านหลัง จึงคิดว่าน่าจะมีสัตว์ป่าตามมา ทราวิสเผยว่า "พอผมมั่นใจว่าสิ่งที่คิดเป็นจริง มีสิงโตภูเขาตามหลังมาห่างราว 3 เมตร ผมก็รู้สึกผวากลัวขึ้นมาทันที ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม"
ไม่มีเวลาให้ทราวิสได้ตั้งตัว สิงโตภูเขากระโจนเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว มันตะปบเข้าที่ข้อมือ แขน ใบหน้า และคอของเขา นาทีนั้นเขาเปลี่ยนความกลัวทั้งหมดเป็นแรงฮึด กลั้นใจสู้กลับสิงโตอย่างไม่คิดชีวิต เขาใช้พลังผลักมันจนล้มลงไปที่พื้นได้ จากนั้นก็หยิบก้อนหินตีหัวมัน แล้วคว้ากิ่งไม้มาพยายามแทงเข้าที่คอมัน แต่ไม่เป็นผล
ทราวิสเผยว่า การต่อสู้ของเขาและสิงโตดำเนินไปนานกว่า 10 นาที ซึ่งในตอนสุดท้ายนั้น เขาก็ไม่มั่นใจว่ามันตายแล้วจริง ๆ หรือไม่ ตอนนั้นเขาสติแตกขั้นสุด คิดแต่ว่าต้องรีบออกมาจากที่นั่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะกลัวว่าจะมีพวกมันหรือสัตว์ป่าตัวอื่นตามมาอีก กระทั่งพบนักวิ่งรายอื่น จึงได้รับการช่วยเหลือพาตัวส่งโรงพยาบาล
ทราวิสได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลหลายแห่งทั่วร่างกาย จุดที่ใหญ่ที่สุดเป็นที่บริเวณจมูกและแก้ม เป็นแผลเหวอะขนาดใหญ่ เย็บไป 20 เข็ม ด้านเจ้าหน้าที่หน่วยงานคุ้มครองสัตว์ป่าฯ เผยว่า นับเป็นความโชคดีและเหลือเชื่ออย่างยิ่ง ที่ทราวิสสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ เนื่องจากสิงโตภูเขาเป็นนักล่าประเภทซุ่มโจมตี มีความเร็วและร้ายกาจพิฆาตศัตรูได้
ภายหลังจากเกิดเหตุ พื้นที่ดังกล่าวได้ถูกปิดไป ก่อนจะเพิ่งมาเปิดอีกครั้งในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ในรายงานของนิวยอร์กไทมส์ เผยว่า สำหรับทราวิส ในอนาคตเขามีแพลนที่จะกลับไปวิ่งที่นั่นอีก แต่หากมีครั้งนั้นจริง เขาจะไม่วิ่งคนเดียว จะไปกับเพื่อนด้วย พร้อมทั้งแนะนำให้นักวิ่งเทรลรายอื่นอย่าวิ่งตามลำพังเช่นเดียวกัน และเตือนด้วยว่าอย่าฟังเพลงระหว่างวิ่งเทรล เพราะมันจะทำให้ไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง ซึ่งอาจจะหมายถึงอันตรายถึงชีวิตได้