พ่อ ชามิมา เบกุม เด็กสาวที่หนีไปเป็นเจ้าสาว ISIS เผยเห็นด้วยที่รัฐบาลถอนสัญชาติลูกสาว ชี้ทำผิดเองและควรยอมรับสิ่งที่เกิด เผยตอนรู้ข่าวแรก ๆ ตกใจมาก ไม่คิดว่าลูกจะมีความคิดเลวร้าย
![เจ้าสาว ISIS]( "เจ้าสาว ISIS")
ภาพจาก LAURA LEAN / POOL / AFP
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า นายอาห์เหม็ด อาลี วัย 60 ปี พ่อของ ชามิมา เบกุม วัย 19 ปี เด็กสาวชาวอังกฤษที่ตัดสินใจเข้าร่วมกองกำลังรัฐอิสลาม (ISIS) เปิดเผยว่า ตนเห็นด้วยและสนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาล ที่ถอดสัญชาติอังกฤษของลูกสาว มองว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว ซึ่งตนเองไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ ทุกวันนี้ตนทราบดีว่าลูกสาวยังคงอยู่ในค่ายกักกันที่ซีเรีย แต่ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันเป็นเพราะการกระทำของตัวลูกสาวเอง
อาห์เหม็ด อาลี อพยพมายังเกาะอังกฤษในปี 2518 หรือเมื่อ 44 ปี ก่อน และประกอบอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้า เขาแต่งงานกับหญิงที่ชื่อ อัสมา ก่อนจะย้ายปักหลักที่ย่านเบ็ธนาล กรีน ทางตะวันออกของกรุงลอนดอน ทว่าในช่วงทศวรรษที่ 1990 ที่ประมาณเกือบ 30 ปีก่อน อาห์เม็ดมีภรรยาเพิ่มอีกคนหนึ่งที่บังกลาเทศ และเดินทางไป ๆ กลับ ๆ ทั้งสองที่อยู่ตลอด แต่เขาก็มีเวลาให้อัสมามากพอ และมีลูกสาวกับเธอ 4 คน คนสุดท้องคือ ชามิมา
ปัจจุบันอาห์เหม็ดอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในเมืองสุนามคัญชะ ทางตอนเหนือของบังกลาเทศ เขาเปิดใจกับนักข่าวเดลี่เมลที่เดินทางไปพบว่า ตอนที่ตัวเองเห็นข่าวลูกสาวไปร่วมกับกลุ่มรัฐอิสลาม เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะลูกสาวคนนี้เป็นเด็กปกติมาโดยตลอด ไม่เคยมีท่าทีใด ๆ ที่ ส่อว่าสนใจเรื่องก่อการร้ายหรือกลุ่มหัวรุนแรง ไม่มีอะไรที่น่ากังวลกับเธอเลย อีกทั้งชามิมาไม่ได้เป็นคนที่มีความเชื่อด้านศาสนาอิสลามที่สุดโต่ง และเธอก็ไม่ค่อยได้ทำละหมาดอย่างสม่ำเสมอ
ในบรรดาญาติน้องของ ชามิมา นั้น ทุกคนต่างมีความต้องการให้รัฐบาลอนุญาตให้เธอเดินทางกลับมายังสหราชอาณาจักร และท้าทายว่าจะนำเรื่องนี้ขึ้นศาล เพื่อฟ้องร้อง ซาจิด จวิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษ โทษฐานถอดถอนสัญชาติเธอ ในครอบครัวนี้มีเพียงแค่ อาห์เหม็ด คนเดียวเท่านั้นที่เห็นต่าง
พ่อวัยเกษียณ กล่าวว่า ตัวเขาเองก็ไม่ได้รอบรู้อะไรมากว่าใครผิดใครถูก แต่สิ่งเดียวที่เขารับรู้ก็คือ ถ้าหากกฎหมายบ้านเมืองมองว่าการปลดสัญชาติลูกสาวคือสิ่งที่ถูกต้อง เขาก็ยินดีและเห็นด้วยตามนั้น และถ้าหากลูกสาวคิดจะขอโทษ หรือรู้สึกเสียใจในสิ่งตัวเองทำลงไปบ้าง เขาก็คงจะเห็นใจเธอ แต่เธอกลับไม่รู้ความผิดของตัวเอง
แต่แล้วในที่สุด ในการสัมภาษณ์ล่าสุดกับเดลี่เมล นั้น ชามิมาก็เอ่ยปากขอโทษกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป เธอเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น รับรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างมาก และเธอไม่สามารถหวนกลับคืนสู่บ้านได้อีกแล้ว เด็กสาวกล่าวว่า เธออยากให้ตัวเองเป็นตัวอย่างให้เด็กวัยรุ่นทุก ๆ คนได้เห็น ว่ามันเป็นแบบอย่างที่เลวร้ายแค่ไหน ไม่อยากให้ใครตัดสินใจเลือกทางผิดแบบเธออีก และอยากขอร้องให้สังคมมอบโอกาสให้เธอได้แก้ตัว
"ฉันรู้สึกว่าตัวเองถูกเหยียบย่ำ เพราะทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่าฉันเป็นนางแบบโปรโมตให้กับกลุ่มไอเอส ฉันได้กลายเป็นตัวอย่างที่ทุกคนเห็นแล้ว และฉันก็กำลังถูกลงโทษ เพราะตอนนี้ทุกคนรู้จักฉัน"
ภาพจาก LAURA LEAN / POOL / AFP
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า นายอาห์เหม็ด อาลี วัย 60 ปี พ่อของ ชามิมา เบกุม วัย 19 ปี เด็กสาวชาวอังกฤษที่ตัดสินใจเข้าร่วมกองกำลังรัฐอิสลาม (ISIS) เปิดเผยว่า ตนเห็นด้วยและสนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาล ที่ถอดสัญชาติอังกฤษของลูกสาว มองว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว ซึ่งตนเองไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ ทุกวันนี้ตนทราบดีว่าลูกสาวยังคงอยู่ในค่ายกักกันที่ซีเรีย แต่ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันเป็นเพราะการกระทำของตัวลูกสาวเอง
อาห์เหม็ด อาลี อพยพมายังเกาะอังกฤษในปี 2518 หรือเมื่อ 44 ปี ก่อน และประกอบอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้า เขาแต่งงานกับหญิงที่ชื่อ อัสมา ก่อนจะย้ายปักหลักที่ย่านเบ็ธนาล กรีน ทางตะวันออกของกรุงลอนดอน ทว่าในช่วงทศวรรษที่ 1990 ที่ประมาณเกือบ 30 ปีก่อน อาห์เม็ดมีภรรยาเพิ่มอีกคนหนึ่งที่บังกลาเทศ และเดินทางไป ๆ กลับ ๆ ทั้งสองที่อยู่ตลอด แต่เขาก็มีเวลาให้อัสมามากพอ และมีลูกสาวกับเธอ 4 คน คนสุดท้องคือ ชามิมา
ปัจจุบันอาห์เหม็ดอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในเมืองสุนามคัญชะ ทางตอนเหนือของบังกลาเทศ เขาเปิดใจกับนักข่าวเดลี่เมลที่เดินทางไปพบว่า ตอนที่ตัวเองเห็นข่าวลูกสาวไปร่วมกับกลุ่มรัฐอิสลาม เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะลูกสาวคนนี้เป็นเด็กปกติมาโดยตลอด ไม่เคยมีท่าทีใด ๆ ที่ ส่อว่าสนใจเรื่องก่อการร้ายหรือกลุ่มหัวรุนแรง ไม่มีอะไรที่น่ากังวลกับเธอเลย อีกทั้งชามิมาไม่ได้เป็นคนที่มีความเชื่อด้านศาสนาอิสลามที่สุดโต่ง และเธอก็ไม่ค่อยได้ทำละหมาดอย่างสม่ำเสมอ
ในบรรดาญาติน้องของ ชามิมา นั้น ทุกคนต่างมีความต้องการให้รัฐบาลอนุญาตให้เธอเดินทางกลับมายังสหราชอาณาจักร และท้าทายว่าจะนำเรื่องนี้ขึ้นศาล เพื่อฟ้องร้อง ซาจิด จวิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษ โทษฐานถอดถอนสัญชาติเธอ ในครอบครัวนี้มีเพียงแค่ อาห์เหม็ด คนเดียวเท่านั้นที่เห็นต่าง
พ่อวัยเกษียณ กล่าวว่า ตัวเขาเองก็ไม่ได้รอบรู้อะไรมากว่าใครผิดใครถูก แต่สิ่งเดียวที่เขารับรู้ก็คือ ถ้าหากกฎหมายบ้านเมืองมองว่าการปลดสัญชาติลูกสาวคือสิ่งที่ถูกต้อง เขาก็ยินดีและเห็นด้วยตามนั้น และถ้าหากลูกสาวคิดจะขอโทษ หรือรู้สึกเสียใจในสิ่งตัวเองทำลงไปบ้าง เขาก็คงจะเห็นใจเธอ แต่เธอกลับไม่รู้ความผิดของตัวเอง
แต่แล้วในที่สุด ในการสัมภาษณ์ล่าสุดกับเดลี่เมล นั้น ชามิมาก็เอ่ยปากขอโทษกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป เธอเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น รับรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างมาก และเธอไม่สามารถหวนกลับคืนสู่บ้านได้อีกแล้ว เด็กสาวกล่าวว่า เธออยากให้ตัวเองเป็นตัวอย่างให้เด็กวัยรุ่นทุก ๆ คนได้เห็น ว่ามันเป็นแบบอย่างที่เลวร้ายแค่ไหน ไม่อยากให้ใครตัดสินใจเลือกทางผิดแบบเธออีก และอยากขอร้องให้สังคมมอบโอกาสให้เธอได้แก้ตัว
"ฉันรู้สึกว่าตัวเองถูกเหยียบย่ำ เพราะทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่าฉันเป็นนางแบบโปรโมตให้กับกลุ่มไอเอส ฉันได้กลายเป็นตัวอย่างที่ทุกคนเห็นแล้ว และฉันก็กำลังถูกลงโทษ เพราะตอนนี้ทุกคนรู้จักฉัน"
"ฉันหวังว่าสังคมจะมอบโอกาสครั้งที่สองให้กับฉันค่ะ เพราะฉันอยากเป็นแบบอย่างให้ทุกคนได้เห็น ว่าชีวิตคนคนหนึ่งมันสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้มากแค่ไหน ฉันอยากช่วยเหลือและอยากแนะนำคนหนุ่มสาวชาวอังกฤษให้คิดทบทวนให้ดี ๆ ก่อนที่จะเลือกทางเดินของชีวิต เพื่อไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น และเพื่อไม่ให้ทุกคนมาผิดพลาดเหมือนกับฉัน แต่ฉันไม่สามารถลุกไปช่วยเหลือใครได้ ถ้าฉันยังติดอยู่ที่นี้ ในแคมป์นี้ ฉันอยากช่วยเหลือทุกคนค่ะ" ชามิมา กล่าว
