หญิงอเมริกัน วัย 56 ปี เป็นลมหมดสติ ตื่นขึ้นมาอีกที สูญเสียความทรงจำไปเกือบ 40 ปี จำใครไม่ได้ ต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตใหม่ทั้งหมด เผยเป็นเรื่องยากและเจ็บปวด แต่ก็ไม่คิดมาก ถ้าความทรงจำไม่กลับมา ก็สร้างใหม่
ในวันหนึ่งของเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว คิม เดนิโคลา หญิงชาวอเมริกัน วัย 56 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองบาตัน รูจ รัฐลุยเซียนา เดินทางไปโบสถ์ท้องถิ่นตามปกติ
วันนั้นก็เป็นวันที่แจ่มใส
และอากาศของฤดูใบไม้ร่วงก็เย็นสบายเหมือนเช่นเคย
แต่มันก็ได้เกิดสิ่งไม่ปกติที่เปลี่ยนชีวิตของเธอไปอย่างที่เธอไม่คาดคิด
โดยในขณะที่คิมกำลังศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิลอยู่นั้น
เธอรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงมาก อีกทั้งยังมีอาการตาพร่ามัว เธอโทร.
ไปหาสามีของ เธอและบอกอาการให้เขาฟัง ซึ่งเขาก็บอกให้เธอรีบไปพบแพทย์ทันที
คิมรับฟังคำแนะนำของสามี แล้วรีบออกจากโบสถ์เพื่อจะไปพบแพทย์
ทว่าในเวลาต่อมา ชาวบ้านที่มาสวดมนต์พบเห็นคิมนอนหมดสติอยู่ในลานจอดรถ พวกเขาแตกตื่นตกใจและรีบช่วยกันนำตัวเธอส่งโรงพยาบาล เมื่อคิมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง โลกของเธอก็เปลี่ยนแปลงไป เพราะเธอสูญเสียความทรงจำ และช่วงเวลาเกือบ 4 ทศวรรษของชีวิตที่ผ่านมา เธอจำมันไม่ได้เลย ........
จากการรายงานของเว็บไซต์มายจอยออนไลน์ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2562 หลังจากที่คิมรู้สึกตัวและลืมตาตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล พยาบาลได้สอบถามเธอว่าปีนี้คือปีอะไร คิมงงเล็กน้อยแต่ก็ตอบไปแบบไม่ลังเลว่า 1980 (2523) พยาบาลนิ่งไปครู่หนึ่งและถามเธอต่อว่า ใครคือประธานาธิบดี เขาชื่ออะไร รู้หรือไม่ คิมก็ตอบพยาบาลไปว่า "รู้สิ โรนัลด์ เรแกน ไงคะ" หลังจากนั้นพยาบาลก็เงียบไป ไม่พูดอะไรอีกเลย
คิม และ เดวิด สามีของเธอ
ภาพจาก Kim Harris Denicola
คิมรู้สึกแปลก ๆ ที่พยาบาลถามแบบนี้ และยิ่งรู้สึกแปลกกว่าเดิม เพราะอยู่ดี ๆ ก็มีผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ คิมคิดว่ามันคงมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับผู้ชายคนนี้ เพราะเขาจับมือเธอขึ้นมากุมไว้ และมีน้ำตาคลออยู่ในตาของเขา ผู้ชายคนนี้มีชื่อว่า เดวิด สามีที่คิมรัก และใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมานานหลายปี แต่เธอจำเขาไม่ได้เลย
นับตั้งแต่วันที่หมดสติ คิมได้รับการตรวจร่างกายและการสแกนสมองมาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งเช็กดูประวัติของเธอ แต่แพทย์ก็ยังไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดเลยว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ความทรงจำของเธอหายไป คิมไม่เคยมีปัญหาการกระทบกระเทือนทางสมองมาก่อน อีกทั้งไม่เคยมีอาการหลอดเลือดสมองอุดตัน แพทย์จึงวินิจฉัยว่าอาการที่เธอเป็นคือ กลุ่มอาการลืมเหตุการณ์ทั้งหมดชั่วคราว หรือทีจีเอ (TGA - Transient Global Amnesia)
ภาพของคิมก่อนสูญเสียความทรงจำ ขณะที่เธอประจำบูธขายอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว
ภาพจาก Denicola's
ทีจีเอคือการสูญเสียความทรงจำอย่างเฉียบพลัน ไม่สามารถจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นในชีวิตของตัวเองได้ ซึ่งเป็นอาการที่ไม่ค่อยพบได้บ่อยนัก แต่เมื่อเทียบกับคนไข้อาการนี้ กรณีของคิมก็ยิ่งแปลกขึ้นไปอีก เพราะความทรงจำที่หายไปมันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานเกือบ 40 ปี ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เหมือนกับเคสอื่น ๆ
ความทรงจำครั้งสุดท้ายที่คิมจดจำได้คือตอนที่เธอยังเป็นเด็กสาวอายุ 18 ปี ในปี 2523 หรือเมื่อ 39 ปีที่แล้ว สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ตั้งแต่การได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย การได้มีความรัก การแต่งงาน และการมีลูก 2 คน กับสามี เป็นสิ่งที่สูญหายไปจากความทรงจำของเธอ โดย ดร.ซาชา แชมลิน แพทย์เจ้าของเคส เปิดเผยว่า เมื่อคิมพยายามย้อนนึกถึงสิ่งที่จำได้ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อนานมากแล้ว เธอจำเรื่องใหม่ ๆ ไม่ได้ และไม่รู้ว่าคอมพิวเตอร์คืออะไร ซึ่งนับว่าเป็นเคสที่แปลกและผิดปกติอย่างมาก
"ตอนที่ฉันพบว่าตัวเองแต่งงานแล้ว มีลูกชาย 2 คน และมีหลานอีก 2 คน ซึ่ง 2 คนในนี้เป็นหลานชายที่ฉันเลี้ยงมาเองกับมือ มันเป็นอะไรที่สับสนเหลือเกิน เพราะเด็ก 7 คนนี้ เด็ก ๆ ที่ฉันผูกพันใกล้ชิดมาโดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เป็นคนแปลกหน้าที่ฉันจำไม่ได้เลย" คิม เล่าถึงชีวิตของเธอหลังสูญเสียความทรงจำ
ภาพจาก Kim Harris Denicola
ปกติแล้ว อาการลืมเหตุการณ์ทั้งหมดชั่วคราวจะกินระยะเวลาไม่นาน แต่สำหรับกรณีของคิมนั้น แม้เวลาล่วงเลยมาถึง 5 เดือนแล้ว ก็ยังไม่มีทีท่าว่าความทรงจำของคิมจะย้อนกลับมา ครอบครัว ญาติพี่น้อง และเพื่อนฝูงก็ได้แต่ทำใจ พวกเขาพยายามเปิดรูปถ่ายเก่า ๆ ให้เธอดู หวังว่ามันจะสามารถกระตุ้นถึงเรื่องราวในอดีตของคิมได้ แต่มันก็ไม่เป็นผล ตอนนี้สิ่งที่คิมทำได้คือการเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา 39 ปี ที่ผ่านมา ที่เธอลืมไปหมดแล้ว
คิมเรียนรู้การใช้ชีวิตในฐานะผู้หญิงวัยทองที่เป็นแม่และเป็นย่า ในขณะที่ความคิดยังเป็นเด็กสาวอายุ 18 ปี นอกจากนี้แล้ว สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือ คิมต้องมารับรู้เรื่องราวความจริงที่แสนเจ็บปวดอีกครั้ง นั่นก็คือการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ทั้งพ่อแม่และพี่ชาย ที่เสียชีวิตไปแล้ว
ภาพจาก Kim Harris Denicola
การดูทีวีในตอนนี้เป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างที่สุด เพราะจอทั้งใหญ่ บาง อีกทั้งยังมีรายการมากมาย โฆษณาก็เพียบ คอมพิวเตอร์ก็คนละเรื่องกับรุ่นโบราณที่คิมเคยใช้ในห้องสมุดสมัยมัธยม อีกหนึ่งสิ่งที่ตื่นเต้นสำหรับคิมคือ การเรียนรู้วิธีใช้เฟซบุ๊ก ซึ่งเธอมองว่ามันเป็นอะไรที่สนุกมาก เมื่อได้อ่านเรื่องราวของผู้คน รวมทั้งได้เห็นการทะเลาะกันของคนในประเด็นดราม่าต่าง ๆ
นอกจากนี้แล้ว คิมก็ได้เฉลิมฉลองวันคริสต์มาสในความรู้สึกแปลกใหม่ เธอได้พบกับ จัสติน ลูกชายคนโต วัย 35 ปี เป็นครั้งแรก และกำลังจะได้พบกับ โจนาธาน ลูกชายคนรอง วัย 34 ปี ในเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่เขากลับจากการเดินสมุทร
ทั้งนี้ แม้ว่าจะตื่นนอนขึ้นมาข้าง ๆ ผู้ชายที่เธอไม่รู้จัก ได้อยู่ในบ้านที่รายล้อมไปด้วยคนแปลกหน้า ได้กินข้าวกับใครที่เธอไม่เคยนึกหน้าออก จะเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากสำหรับคิม แต่เธอก็ยังมีจิตใจที่แข็งแกร่ง ยอมรับความจริงได้มากขึ้นทีละเล็กทีละน้อย และเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับสิ่งใหม่ ๆ เหล่านี้ อีกทั้งยังมีครอบครัวที่รักเธอ สนับสนุนเธอ และช่วยเหลือเธอในทุก ๆ อย่าง
คิม เปิดเผยว่า ถ้าหากเวลาผ่านไปแล้วเธอยังคงจำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม ถ้าความทรงจำตลอด 39 ปี ไม่ย้อนกลับคืนมา เธอก็จะไม่เสียใจ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ คือความทรงจำใหม่ ๆ และมันคือชีวิตใหม่ของเธอ
"วันหนึ่งในอนาคต ความทรงจำของฉันอาจจะย้อนกลับคืนมา แต่มันก็อาจจะไม่กลับมาอีก ดังนั้นฉันจึงขอใช้ชีวิตทุก ๆ วันนี้ให้มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น ฉันเริ่มจดจำชื่อคนในครอบครัว จำหน้าพวกเขาได้แล้ว ฉันเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่ในปี 2019 ค่ะ และถ้าความทรงจำของฉันจะไม่หวนกลับคืนมาจริง ๆ แล้วละก็ ฉันก็จะสร้างมันขึ้นมาใหม่ค่ะ " คิม กล่าว
ภาพจาก Kim Harris Denicola