เศร้า..เปิดไดอารี่เด็ก ม.3 ผูกคอตาย เป็นโรคซึมเศร้า พ่อร่ำไห้ สัญญาจะสึกแต่ทำไม่ได้

เปิดไดอารี่เด็ก ม.3 ผูกคอตาย น้อยใจปู่-ย่าไม่ให้ไปอยู่หอพัก ระบายความในใจเหมือนถูกล่ามโซ่ ด้านพระพ่อ รับลูกสาวเคยบอกว่า เป็นโรคซึมเศร้า สุดเสียใจ..สัญญาจะลาสิกขาไปอยู่ด้วยกันแต่ทำไม่ได้

ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว

จากกรณีเกิดเหตุเด็กหญิงนักเรียนชั้น ม.3 น้อยใจปู่-ย่าไม่ให้ไปอยู่หอพัก แถมปรึกษาพ่อที่บวชเป็นพระ ก็ไม่อนุญาต บอกรอให้โตกว่านี้ก่อน จึงตัดสินใจผูกคอตายคาบ้าน พร้อมเปลี่ยนโปรไฟล์เฟซบุ๊กเป็นสีดำ บอกว่า Help me นั้น (อ่านข่าว : ดับสลด... เด็ก ม.3 น้อยใจปู่ย่าไม่ให้ไปอยู่หอ ตัดสินใจผูกคอตายคาบ้าน)

ล่าสุด (9 มีนาคม 2562) อมรินทร์ ทีวี ได้สอบถามไปยัง พระมหาพีรเดช เตชะธัมโม พระพ่อของผู้ตาย เผยว่า ส่วนตัวเชื่อว่าลูกน้อยใจเรื่องการขอไปอยู่หอพัก เพราะลูกเคยมาขออนุญาตประมาณ 2-3 ครั้ง แต่ตนไม่อนุญาต บอกให้รอโตกว่านี้ จากนั้นลูกสาวก็เงียบไป ซึ่งตอนนั้นคิดว่าลูกอาจจะหนีออกจากบ้าน ไม่คิดว่าจะฆ่าตัวตาย

ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว

โดยหลังเกิดเหตุ ตนพบไดอารี่ของลูกสาวที่พิมพ์ไว้ในโทรศัพท์มือถือ ระบายความน้อยใจที่ลูกรู้สึกเหมือนถูกล่ามโซ่ไว้ ไม่ได้เป็นอิสระ และคำสัญญาของตนที่ทำให้ลูกไม่ได้ คือ ตนเคยรับปากว่าจะสึกและรับลูกสาวไปอยู่ด้วยกัน แต่ตนยังทำให้ไม่ได้ เพราะยังบวชอยู่

อีกทั้งเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ลูกบอกกับตนว่า เคยทำแบบทดสอบในเว็บไซต์ พบว่ามีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งตนก็พอดูออกว่าลูกน่าจะเป็นโรคดังกล่าว เพราะลูกค่อนข้างเก็บตัว แต่ไม่ได้พาไปปรึกษาแพทย์เพราะไม่มีเงิน

ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว

ทั้งนี้ ตนเข้าดูประวัติการเข้าเว็บไซต์ พบว่าลูกสาวชอบเข้าเว็บไซต์เกี่ยวกับโรคซึมเศร้า รวมถึงการใส่หน้ากากแสร้งเป็นคนอื่น ซึ่งตนคิดว่าลูกน่าจะวางแผนฆ่าตัวตายมานานแล้ว เพราะในไดอารี่ก็ระบุว่า จะทำในวันที่ 21 เมษายน ซึ่งเป็นวันเกิด แต่ทำไปก่อน

นอกจากนี้ ลูกสาวเคยขอไปอยู่กับแม่เลี้ยง เนื่องจากรักและสนิทกับแม่เลี้ยงมาก ตนก็ให้ไปได้ในช่วงปิดเทอม แต่ขณะนี้แม่เลี้ยงไปทำงานต่างจังหวัด อย่างไรก็ตาม พระมหาพีรเดช กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนให้ลูกได้ทุกอย่างโดยไม่น้อยหน้าใคร มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่สามารถให้ได้คือเวลาที่จะอยู่ด้วยกัน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

เศร้า..เปิดไดอารี่เด็ก ม.3 ผูกคอตาย เป็นโรคซึมเศร้า - พ่อร่ำไห้ สัญญาจะสึกแต่ทำไม่ได้