อภิสิทธิ์ เดินหน้าย้ำจุดยืน ลั่นประชาธิปัตย์ไม่จับมือ และไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีประวัติการทุจริตมานำประเทศ แต่ถ้าเลือกประชาธิปัตย์ สุจริต บ้านเมืองจะไม่วิกฤต
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562 ข่าวเวิร์คพอยท์ รายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ทำงานบนความรับผิดชอบเพื่อความยั่งยืน รัฐบาลประชาธิปัตย์ไม่เคยสร้างปัญหาวินัยทางการเงินการคลัง มีแต่ต้องเข้าไปกอบกู้ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลอื่น นโยบายอาจไม่หวือหวาแต่ยั่งยืน บางครั้งอาจจะทำให้เราแพ้การเลือกตั้ง แต่ที่เรายืนอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ ในขณะที่พรรคอื่น ๆ ล้มหายตายจากไป ก็เพราะความยั่งยืนของนโยบาย และความซื่อตรงที่มีต่อพี่น้องประชาชน การไปเลือกตั้ง 24 มีนาคม สามารถจะเลือกอนาคตให้กับประเทศ 3 ทางเลือก ดังนี้
1. เลือกที่จะสนับสนุนรัฐบาลปัจจุบัน ถ้าใครพอใจกับการบริหารงานของรัฐบาลก็มีทางเลือกนี้ แต่ประชาธิปัตย์มองว่าทางเลือกนี้ เศรษฐกิจไม่ดี ประชาชนไม่ได้เป็นใหญ่ เพราะถูกจำกัดในหลายเรื่อง และมีความพยายามรวบรวมศูนย์อำนาจเข้ามาอยู่ตรงกลาง
2. เลือกพรรคเครือข่ายของรัฐบาลเก่า แนวเขาก็เป็นลักษณะของความหวือหวาอย่างที่ว่าประชานิยมมาโดยตลอด แต่วันนี้มันก็พิสูจน์แล้วทั้งจำนำข้าว ทั้งแท็บเล็ต ทั้งรถคันแรก เป็นนโยบายที่ไม่สามารถทำต่อได้ ไม่ยั่งยืนและยังสร้างความเสียหาย
3. เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ตนประกาศมาตั้งแต่ต้นว่า 2 ทางเลือกข้างต้น ไม่ใช่ประชาธิปัตย์ ประชาธิปัตย์เป็นตัวของตัวเอง และนำเสนอแนวคิด แก้จน สร้างคน สร้างชาติ และยืนยันว่าทำงานภายใต้แนวคิดประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต ต้องเติมคำว่าสุจริตเข้าไป เพราะถ้าไม่สุจริต สุดท้ายบ้านเมืองก็จะวิกฤตอีก และเราอาจจะวนมาอยู่ตรงนี้ นี่คือความหมายของการเลือกตั้งครั้งนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีทางเลือกดีกว่าที่จะเลือกระหว่าง พล.อ. ประยุทธ์ กับนายทักษิณ จะไปใช้สิทธิ์เพื่อให้คนหนึ่งได้อยู่ต่อ อีกคนได้กลับบ้าน คงไม่ใช่ ถึงเวลาที่ต้องเลือกอนาคตของประเทศชาติ ฝ่ายหนึ่งพยายามยัดเยียดว่าประชาธิปัตย์กำลังจะจับมือกับเพื่อไทย ขอยืนยันว่าไม่เคยมีความคิดจะจับมือกับเพื่อไทยเลย แต่ข่าวลือแบบนี้ออกมาเพื่อทำให้คนที่กลัวนายทักษิณจะต้องไปเลือกพรรคที่สนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ จึงต้องบอกชัด ๆ ว่าประชาธิปัตย์ไม่จับมือ และไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีประวัติการทุจริตมานำประเทศ
เรื่องการสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ ตนชัดเจนมาตลอดว่าแนวทางของตนในการเป็นหัวหน้าพรรค ยึดอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ เราต้องไม่ให้มีการสืบทอดอำนาจ ตนรู้ว่าท่านเข้ามาแล้วบ้านเมืองสงบ พี่น้องประชาชนมีความพึงพอใจ แต่หลังเลือกตั้งเป็นคนละเรื่อง เพราะหลังเลือกตั้งไม่มีมาตรา 44 เราต้องคิดว่าสถานการณ์ความขัดแย้งที่คนกลัวความวุ่นวายคืออะไร 10 ปีที่ผ่านมา เกือบทุกฝ่ายเรียนรู้แล้วว่าบ้านเมืองจะไปขัดแย้งเสียหายกันต่อไปแบบเดิม ๆ ไม่ได้ ถ้าเข้าสู่กระบวนการของการเลือกตั้งเสร็จแล้วเดินไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน ช่วยกันดูแลไม่ให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันอีกมันก็เดินได้ แต่วันนี้สิ่งที่มองเห็นแน่ ๆ ที่จะเป็นความขัดแย้งคือ ปัญหาการสืบทอดอำนาจ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562 ข่าวเวิร์คพอยท์ รายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ทำงานบนความรับผิดชอบเพื่อความยั่งยืน รัฐบาลประชาธิปัตย์ไม่เคยสร้างปัญหาวินัยทางการเงินการคลัง มีแต่ต้องเข้าไปกอบกู้ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลอื่น นโยบายอาจไม่หวือหวาแต่ยั่งยืน บางครั้งอาจจะทำให้เราแพ้การเลือกตั้ง แต่ที่เรายืนอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ ในขณะที่พรรคอื่น ๆ ล้มหายตายจากไป ก็เพราะความยั่งยืนของนโยบาย และความซื่อตรงที่มีต่อพี่น้องประชาชน การไปเลือกตั้ง 24 มีนาคม สามารถจะเลือกอนาคตให้กับประเทศ 3 ทางเลือก ดังนี้
1. เลือกที่จะสนับสนุนรัฐบาลปัจจุบัน ถ้าใครพอใจกับการบริหารงานของรัฐบาลก็มีทางเลือกนี้ แต่ประชาธิปัตย์มองว่าทางเลือกนี้ เศรษฐกิจไม่ดี ประชาชนไม่ได้เป็นใหญ่ เพราะถูกจำกัดในหลายเรื่อง และมีความพยายามรวบรวมศูนย์อำนาจเข้ามาอยู่ตรงกลาง
2. เลือกพรรคเครือข่ายของรัฐบาลเก่า แนวเขาก็เป็นลักษณะของความหวือหวาอย่างที่ว่าประชานิยมมาโดยตลอด แต่วันนี้มันก็พิสูจน์แล้วทั้งจำนำข้าว ทั้งแท็บเล็ต ทั้งรถคันแรก เป็นนโยบายที่ไม่สามารถทำต่อได้ ไม่ยั่งยืนและยังสร้างความเสียหาย
3. เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ตนประกาศมาตั้งแต่ต้นว่า 2 ทางเลือกข้างต้น ไม่ใช่ประชาธิปัตย์ ประชาธิปัตย์เป็นตัวของตัวเอง และนำเสนอแนวคิด แก้จน สร้างคน สร้างชาติ และยืนยันว่าทำงานภายใต้แนวคิดประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต ต้องเติมคำว่าสุจริตเข้าไป เพราะถ้าไม่สุจริต สุดท้ายบ้านเมืองก็จะวิกฤตอีก และเราอาจจะวนมาอยู่ตรงนี้ นี่คือความหมายของการเลือกตั้งครั้งนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีทางเลือกดีกว่าที่จะเลือกระหว่าง พล.อ. ประยุทธ์ กับนายทักษิณ จะไปใช้สิทธิ์เพื่อให้คนหนึ่งได้อยู่ต่อ อีกคนได้กลับบ้าน คงไม่ใช่ ถึงเวลาที่ต้องเลือกอนาคตของประเทศชาติ ฝ่ายหนึ่งพยายามยัดเยียดว่าประชาธิปัตย์กำลังจะจับมือกับเพื่อไทย ขอยืนยันว่าไม่เคยมีความคิดจะจับมือกับเพื่อไทยเลย แต่ข่าวลือแบบนี้ออกมาเพื่อทำให้คนที่กลัวนายทักษิณจะต้องไปเลือกพรรคที่สนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ จึงต้องบอกชัด ๆ ว่าประชาธิปัตย์ไม่จับมือ และไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีประวัติการทุจริตมานำประเทศ
เรื่องการสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ ตนชัดเจนมาตลอดว่าแนวทางของตนในการเป็นหัวหน้าพรรค ยึดอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ เราต้องไม่ให้มีการสืบทอดอำนาจ ตนรู้ว่าท่านเข้ามาแล้วบ้านเมืองสงบ พี่น้องประชาชนมีความพึงพอใจ แต่หลังเลือกตั้งเป็นคนละเรื่อง เพราะหลังเลือกตั้งไม่มีมาตรา 44 เราต้องคิดว่าสถานการณ์ความขัดแย้งที่คนกลัวความวุ่นวายคืออะไร 10 ปีที่ผ่านมา เกือบทุกฝ่ายเรียนรู้แล้วว่าบ้านเมืองจะไปขัดแย้งเสียหายกันต่อไปแบบเดิม ๆ ไม่ได้ ถ้าเข้าสู่กระบวนการของการเลือกตั้งเสร็จแล้วเดินไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน ช่วยกันดูแลไม่ให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันอีกมันก็เดินได้ แต่วันนี้สิ่งที่มองเห็นแน่ ๆ ที่จะเป็นความขัดแย้งคือ ปัญหาการสืบทอดอำนาจ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
