แม่เด็กแฝดเปิดหมวกเล่นดนตรี ยันมีใบอนุญาต แจงหาเงินจ่ายค่าเทอมกว่า1.5 แสนบาท ส่วนดราม่าเข้าร้านกาแฟหรู ใช้บัตรฟรี ไม่เกี่ยวเงินบริจาค วอนสังคมเข้าใจ
จากกรณีโลกออนไลน์เผยภาพและเรื่องราว ระบุใจความว่า เด็กที่มาเล่นดนตรีรับเงินบริจาคใกล้สถานีรถไฟฟ้า โดยติดป้ายว่าขอทุนเรียน ไปโผล่ที่ร้านกาแฟชื่อดัง กำลังนั่งเล่นไอโฟน ส่วนแม่นั่งเล่นไอแพด นับเงินในกระป๋อง มีเค้กวางเต็มโต๊ะ จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์นั้น (อ่านข่าว : แฉ สาวแฝดเล่นกีตาร์ขอทุนเรียน โผล่ร้านกาแฟหรู สังคมเสียงแตก ทำได้หรือไม่ ?)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 16 มีนาคม 2562 รายการทุบโต๊ะข่าว รายงานว่า นางดารินา วิชัยรัตน์ อายุ 46 ปี แม่ของเด็ก เผยว่า ช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมาลูกมาเล่นดนตรีเปิดหมวกที่บันไดทางลง BTS หมอชิต ช่วงแรกเขียนป้ายขอสมทบทุนการศึกษาจริง เนื่องจากค้างจ่ายค่าเทอมลูกชาย 150,000 บาท ตอนนั้นเดือดร้อนมาก ทั้งขายบ้านขายรถแล้ว แต่ก็ไม่พอสำหรับการใช้หนี้ ทำให้ลูกทุกคนเรียนช้ากว่าเกณฑ์ที่กำหนด จนต้องออกมาเรียน กศน. ลูกชายและลูกสาวอีก 2 คน จึงอาสาเล่นดนตรีหารายได้เสริม ยืนยันว่า มีใบอนุญาตจากสำนักงานเขต ส่วนรายได้นั้นนำไปใช้เป็นค่าเรียน ค่าอยู่ ค่ากิน ค่าเรียนพิเศษภาษา
ส่วนภาพที่เข้าร้านกาแฟหรูนั้น ตนและลูกไม่ได้ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย แต่เป็นการซื้อด้วยบัตรเงินสดที่ได้มาจากกิจกรรม ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างอื่น โดยส่วนใหญ่การเข้าร้านกาแฟจะใช้เงินส่วนตัว หรือเงินจากที่ลูกไปประกวดได้รางวัลมาจึงพามากิน ไม่ได้เกี่ยวกับเงินรับบริจาค แต่ไม่ได้กินบ่อยครั้ง ซึ่งตนมองว่า ในต่างประเทศ ร้านกาแฟดังกล่าวถือว่าราคาไม่ได้แพง จากนี้จะสนับสนุนให้ลูกเปิดหมวกเล่นคนตรีต่อไป เพราะเป็นอาชีพที่สุจริต และทำงานหาเงินมาก็ใช้เกิดประโยชน์ ยอมรับว่า เสียใจที่สังคมเข้าใจผิด จึงอยากให้สังคมเข้าใจ
ด้าน เด็กหญิงซาแมนต้า และเด็กหญิงซาฟีด้า เผยว่า สาเหตุที่มาเล่นเปิดหมวก เพราะที่บ้านลำบาก ต้องหาเงินส่งค่าเทอม ในแต่ละวันได้เงิน 300 บาท ก็จะนำมาช่วยค่าใช้จ่ายทางบ้าน มีความสุขที่ได้เล่นดนตรีและไม่ได้ถูกบีบบังคับ ตนยืนยันว่า ไม่ได้ตั้งใจใส่ชุดมอมแมมไปเล่นดนตรี แต่เป็นเพราะบางวันเรียนเสร็จแล้วมาเล่นดนตรีต่อ ทำให้ชุดนักเรียนสกปรกบ้าง ส่วนที่ของใช้อย่าง กระเป๋า นาฬิการาคาแพงนั้น ส่วนใหญ่มาจากปู่ ย่า พ่อ จากเมืองนอกส่งมาเป็นของขวัญเท่านั้น ไม่ได้ใช้เงินจากการเปิดหมวกซื้อ
ทั้งคู่แจงกรณีที่เข้าร้านกาแฟดังว่า เป็นการใช้บัตรฟรีเพราะบางครั้งนักท่องเที่ยวนำมาให้ขณะเล่นดนตรี ส่วนบนโต๊ะเป็นขนมเพียง 30-40 บาท ส่วนเครื่องดื่มกาแฟ เป็นเงินแม่ซื้อ ไม่ได้ใช้เงินที่มาจากเงินที่เปิดหมวก ยืนยันว่า ตนอยากเล่นดนตรีต่อไป อนาคตมีความฝันอยากเป็นนักดนตรี ดารา และแอร์โฮสเตส การเล่นดนตรีเปิดหมวกทำให้สนุกและรู้จักคนมากมาย สุดท้ายนี้ขอวอนให้สังคมเข้าใจความจริงจากฝั่งตนด้วย
จากกรณีโลกออนไลน์เผยภาพและเรื่องราว ระบุใจความว่า เด็กที่มาเล่นดนตรีรับเงินบริจาคใกล้สถานีรถไฟฟ้า โดยติดป้ายว่าขอทุนเรียน ไปโผล่ที่ร้านกาแฟชื่อดัง กำลังนั่งเล่นไอโฟน ส่วนแม่นั่งเล่นไอแพด นับเงินในกระป๋อง มีเค้กวางเต็มโต๊ะ จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์นั้น (อ่านข่าว : แฉ สาวแฝดเล่นกีตาร์ขอทุนเรียน โผล่ร้านกาแฟหรู สังคมเสียงแตก ทำได้หรือไม่ ?)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 16 มีนาคม 2562 รายการทุบโต๊ะข่าว รายงานว่า นางดารินา วิชัยรัตน์ อายุ 46 ปี แม่ของเด็ก เผยว่า ช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมาลูกมาเล่นดนตรีเปิดหมวกที่บันไดทางลง BTS หมอชิต ช่วงแรกเขียนป้ายขอสมทบทุนการศึกษาจริง เนื่องจากค้างจ่ายค่าเทอมลูกชาย 150,000 บาท ตอนนั้นเดือดร้อนมาก ทั้งขายบ้านขายรถแล้ว แต่ก็ไม่พอสำหรับการใช้หนี้ ทำให้ลูกทุกคนเรียนช้ากว่าเกณฑ์ที่กำหนด จนต้องออกมาเรียน กศน. ลูกชายและลูกสาวอีก 2 คน จึงอาสาเล่นดนตรีหารายได้เสริม ยืนยันว่า มีใบอนุญาตจากสำนักงานเขต ส่วนรายได้นั้นนำไปใช้เป็นค่าเรียน ค่าอยู่ ค่ากิน ค่าเรียนพิเศษภาษา
ส่วนภาพที่เข้าร้านกาแฟหรูนั้น ตนและลูกไม่ได้ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย แต่เป็นการซื้อด้วยบัตรเงินสดที่ได้มาจากกิจกรรม ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างอื่น โดยส่วนใหญ่การเข้าร้านกาแฟจะใช้เงินส่วนตัว หรือเงินจากที่ลูกไปประกวดได้รางวัลมาจึงพามากิน ไม่ได้เกี่ยวกับเงินรับบริจาค แต่ไม่ได้กินบ่อยครั้ง ซึ่งตนมองว่า ในต่างประเทศ ร้านกาแฟดังกล่าวถือว่าราคาไม่ได้แพง จากนี้จะสนับสนุนให้ลูกเปิดหมวกเล่นคนตรีต่อไป เพราะเป็นอาชีพที่สุจริต และทำงานหาเงินมาก็ใช้เกิดประโยชน์ ยอมรับว่า เสียใจที่สังคมเข้าใจผิด จึงอยากให้สังคมเข้าใจ
ด้าน เด็กหญิงซาแมนต้า และเด็กหญิงซาฟีด้า เผยว่า สาเหตุที่มาเล่นเปิดหมวก เพราะที่บ้านลำบาก ต้องหาเงินส่งค่าเทอม ในแต่ละวันได้เงิน 300 บาท ก็จะนำมาช่วยค่าใช้จ่ายทางบ้าน มีความสุขที่ได้เล่นดนตรีและไม่ได้ถูกบีบบังคับ ตนยืนยันว่า ไม่ได้ตั้งใจใส่ชุดมอมแมมไปเล่นดนตรี แต่เป็นเพราะบางวันเรียนเสร็จแล้วมาเล่นดนตรีต่อ ทำให้ชุดนักเรียนสกปรกบ้าง ส่วนที่ของใช้อย่าง กระเป๋า นาฬิการาคาแพงนั้น ส่วนใหญ่มาจากปู่ ย่า พ่อ จากเมืองนอกส่งมาเป็นของขวัญเท่านั้น ไม่ได้ใช้เงินจากการเปิดหมวกซื้อ
ทั้งคู่แจงกรณีที่เข้าร้านกาแฟดังว่า เป็นการใช้บัตรฟรีเพราะบางครั้งนักท่องเที่ยวนำมาให้ขณะเล่นดนตรี ส่วนบนโต๊ะเป็นขนมเพียง 30-40 บาท ส่วนเครื่องดื่มกาแฟ เป็นเงินแม่ซื้อ ไม่ได้ใช้เงินที่มาจากเงินที่เปิดหมวก ยืนยันว่า ตนอยากเล่นดนตรีต่อไป อนาคตมีความฝันอยากเป็นนักดนตรี ดารา และแอร์โฮสเตส การเล่นดนตรีเปิดหมวกทำให้สนุกและรู้จักคนมากมาย สุดท้ายนี้ขอวอนให้สังคมเข้าใจความจริงจากฝั่งตนด้วย
