เพื่อนโพสต์อำลา นายวีรชัย พลาศรัย ทูตไทยผู้ต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร ซึ่งเสียชีวิตด้วยวัย 58 ปี ยกย่องในความสามารถ เปรียบเพชรน้ำเอกวงการทูตไทย ต่างชาติยังยอมรับฝีมือ
![วีรชัย พลาศรัย]( "วีรชัย พลาศรัย")
จากข่าวการเสียชีวิตของ นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นบุคคลที่ชาวไทยจดจำกันได้ดี ในฐานะหน้าคณะต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารให้กับประเทศไทยในศาลโลก เมื่อปี 2556 นั้น (อ่านข่าว : ท่านทูต วีรชัย พลาศรัย ท่านทูตผู้เคยขึ้นศาลโลก ทวงคืนเขาพระวิหาร เสียชีวิตแล้ว)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 16 มีนาคม 2562 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj เพื่อนของ ทูตวีรชัย เล่าเรื่องราวใจความว่า ตนรู้จักทูตวีรชัย ในชื่อว่า แสบ ตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รุ่นที่ 38 ช่วงเข้ามหาวิทยาลัยก็แยกย้ายกัน ตนไปเข้าคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนทูตแสบ สอบเข้าคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้ทุนเล่าเรียนหลวงไปเรียนต่อด้านกฎหมายที่ฝรั่งเศส จนจบปริญญาเอก
ช่วงหนึ่งที่ตนไปทำงานและเรียนที่สถาบันการทูตสเปน ตอนนั้นคุณพ่อคุณแม่ได้มาเยี่ยม พร้อมบอกว่า อยากขึ้นไปเที่ยวปารีส ฝรั่งเศส เพื่อไปดูบรรยากาศบ้านเก่าครั้งที่พ่อเป็นรองผู้ช่วยทูตทหารเรือประจำฝรั่งเศส ช่วงปี 2499-2501 ทำให้ตนได้เจอทูตแสบอีกครั้ง และทูตแสบก็ได้พาตนและพ่อแม่ไปดูบ้านหลังเก่าที่ปารีส ทำให้คุณพ่อดีใจและซึ้งใจทูตแสบมาก
ที่ผ่านมา ทูตแสบ เป็นคนที่แม่นเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศมาก รวมทั้งพูดภาษาฝรั่งเศสเก่งมาก ซึ่งตนได้เจอกันทูตแสบอีกครั้งในตอนที่ประจำการที่สถานทูตไทย ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ซึ่งท่านทูตแสบเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ท่านมีหน้าที่ดูแลเรื่องการเจรจาปักปันเขตแดนกับฝ่ายลาว โดยฝั่งลาวเองก็ซูฮกในความเก่งของทูตแสบ แม้จะต้องต่อสู้กันในแง่กฎหมายอย่างดุเดือดก็ตาม
เจ้าของเรื่องราวเล่าว่า ตอนที่ท่านทูตแสบ ประจำที่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ มีกรณีเขาพระวิหาร ที่ท่านทูตแสบได้แสดงฝีมือให้พวกเราคนไทยทุกคนประจักษ์ในฝีมือมาแล้ว ถือเป็นเพชรน้ำเอก ของวงการทูตไทยที่ต่างชาติยังยอมรับในฝีมือ นอกจากท่านเก่งในเรื่องวิชาการแล้ว ท่านยังมีความสามารถในเรื่องดนตรีด้วย โดยท่านรวบรวมเอาทูตประเทศต่าง ๆ ที่ประจำ UN มาตั้งเป็นวงดนตรี นับเป็นวงดนตรีกิตติมศักดิ์ที่ได้รับเกียรติให้ขึ้นแสดงบนเวทีใน UN มาแล้วอีกด้วย ทำให้เสียใจมากที่ไทยเสียบุคลากรที่ ปิดทองหลังพระ ช่วยรักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศเราไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj
จากข่าวการเสียชีวิตของ นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นบุคคลที่ชาวไทยจดจำกันได้ดี ในฐานะหน้าคณะต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารให้กับประเทศไทยในศาลโลก เมื่อปี 2556 นั้น (อ่านข่าว : ท่านทูต วีรชัย พลาศรัย ท่านทูตผู้เคยขึ้นศาลโลก ทวงคืนเขาพระวิหาร เสียชีวิตแล้ว)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 16 มีนาคม 2562 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj เพื่อนของ ทูตวีรชัย เล่าเรื่องราวใจความว่า ตนรู้จักทูตวีรชัย ในชื่อว่า แสบ ตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รุ่นที่ 38 ช่วงเข้ามหาวิทยาลัยก็แยกย้ายกัน ตนไปเข้าคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนทูตแสบ สอบเข้าคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้ทุนเล่าเรียนหลวงไปเรียนต่อด้านกฎหมายที่ฝรั่งเศส จนจบปริญญาเอก
ช่วงหนึ่งที่ตนไปทำงานและเรียนที่สถาบันการทูตสเปน ตอนนั้นคุณพ่อคุณแม่ได้มาเยี่ยม พร้อมบอกว่า อยากขึ้นไปเที่ยวปารีส ฝรั่งเศส เพื่อไปดูบรรยากาศบ้านเก่าครั้งที่พ่อเป็นรองผู้ช่วยทูตทหารเรือประจำฝรั่งเศส ช่วงปี 2499-2501 ทำให้ตนได้เจอทูตแสบอีกครั้ง และทูตแสบก็ได้พาตนและพ่อแม่ไปดูบ้านหลังเก่าที่ปารีส ทำให้คุณพ่อดีใจและซึ้งใจทูตแสบมาก
ที่ผ่านมา ทูตแสบ เป็นคนที่แม่นเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศมาก รวมทั้งพูดภาษาฝรั่งเศสเก่งมาก ซึ่งตนได้เจอกันทูตแสบอีกครั้งในตอนที่ประจำการที่สถานทูตไทย ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ซึ่งท่านทูตแสบเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ท่านมีหน้าที่ดูแลเรื่องการเจรจาปักปันเขตแดนกับฝ่ายลาว โดยฝั่งลาวเองก็ซูฮกในความเก่งของทูตแสบ แม้จะต้องต่อสู้กันในแง่กฎหมายอย่างดุเดือดก็ตาม
เจ้าของเรื่องราวเล่าว่า ตอนที่ท่านทูตแสบ ประจำที่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ มีกรณีเขาพระวิหาร ที่ท่านทูตแสบได้แสดงฝีมือให้พวกเราคนไทยทุกคนประจักษ์ในฝีมือมาแล้ว ถือเป็นเพชรน้ำเอก ของวงการทูตไทยที่ต่างชาติยังยอมรับในฝีมือ นอกจากท่านเก่งในเรื่องวิชาการแล้ว ท่านยังมีความสามารถในเรื่องดนตรีด้วย โดยท่านรวบรวมเอาทูตประเทศต่าง ๆ ที่ประจำ UN มาตั้งเป็นวงดนตรี นับเป็นวงดนตรีกิตติมศักดิ์ที่ได้รับเกียรติให้ขึ้นแสดงบนเวทีใน UN มาแล้วอีกด้วย ทำให้เสียใจมากที่ไทยเสียบุคลากรที่ ปิดทองหลังพระ ช่วยรักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศเราไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN
