x close

สื่อนอกจับตา เลือกตั้งไทย มองรัฐบาลต่อไปอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ

 

              สื่อนอกจับตา เลือกตั้งไทย มองรัฐบาลต่อไปอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ แม้การคืนสู่ประชาธิปไตยอาจเพิ่มโอกาสมีคนมาลงทุน แต่โครงการรัฐ 1.7 ล้านล้านบาท อาจอยู่ในความเสี่ยง

ภาพจาก Jewel SAMAD / AFP

              นับเป็นประเด็นที่สื่อนอกมีการจับตาความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด สำหรับการเลือกตั้ง 2562  ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มีนาคมนี้ และได้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าไปแล้วในวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกนับตั้งแต่ไทยเกิดการรัฐประหารในปี 2557 และอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา มานาน 5 ปี

              อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 17 มีนาคม 2562 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ได้เผยบทวิเคราะห์ มองว่าผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น แม้จะเป็นการทำให้ประเทศกลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตย แต่อาจก่อให้เกิดผลเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแผนเศรษฐกิจมูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้

              โดยแผนเศรษฐกิจภายใต้ชื่อโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ซึ่งมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐหลายอย่าง อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน และโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เป็นโครงการที่อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจึงอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโครงการรัฐเหล่านี้เช่นกัน


ภาพจาก เฟซบุ๊ก We Watch

              บลูมเบิร์กวิเคราะห์ว่า ใครก็ตามที่จะขึ้นเป็นรัฐบาลต่อไป อาจต้องเผชิญต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในด้านการแข่งขัน การเพิ่มทักษะและการผลิตในสังคมทำงานปัจจุบัน ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลใหม่อาจให้ความสำคัญกับการแสวงหาผู้ที่จะออกเสียงเลือกตั้ง มากกว่าการลงทุนในพื้นที่ที่มีทักษะสูง อย่างไรก็ดี การมีรัฐบาลซึ่งเป็นประชาธิปไตยที่มั่นคง อาจเพิ่มโอกาสดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามามากขึ้นกว่าเดิม

              ขณะที่บางกอกโพสต์ยังได้เผยรายงานว่าด้วยเรื่องของการซื้อ-ขายเสียง ที่เกิดขึ้นในสังคมการเมืองของไทยมาเนิ่นนาน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่มีความยากจน ยิ่งมีการซื้อ-ขายเสียงในพื้นที่มากขึ้น โดยพบว่าการจ่ายเงินเพื่อซื้อเสียงนั้น อาจจะอยู่ที่หัวละ 1,000 บาท และในคืนหมาหอนหรือคืนก่อนการเลือกตั้ง ก็อาจมีการจ่ายเงินเพิ่มเติมอีก 500 บาท นอกจากนี้ในการเลือกตั้งปี 2554 พบว่ามีบางคนสามารถทำเงินได้จากการรับเงินจากพรรคการเมืองต่าง ๆ มากถึง 2,000 บาท อย่างไรก็ตามการรับเงินนั้นใช่ว่าผู้รับเงินจะลงคะแนนเสียงให้กับพรรคที่ได้รับเงินมาเสมอไป


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สื่อนอกจับตา เลือกตั้งไทย มองรัฐบาลต่อไปอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ อัปเดตล่าสุด 18 มีนาคม 2562 เวลา 14:39:31 4,520 อ่าน
TOP