หัวหน้าวิเชียร เตรียมอุทธรณ์เพิ่มเอาผิด เปรมชัย - จับตาทีมกฎหมาย ใส่ข้อมูลจนโทษเบา

          วิเชียร ชิณวงศ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ ข้องใจ นายเปรมชัย กรรณสูต รับโทษน้อยเกิน เตรียมยื่นอุทธรณ์เอาผิดเพิ่ม ด้าน ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร แนะจับตาทีมกฎหมายใช้เทคนิคเหลือโทษรอลงอาญา

          จากกรณีเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ได้นัดฟังคำตัดสินคดีล่าเสือดำ โดยพิพากษาจำคุก นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด เป็นเวลา 16 เดือน ไม่รอลงอาญา ใน 3 ข้อหา คือ ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า, ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทพ) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่า (เสือดำ) นั้น ศาลได้ยกฟ้องข้อหาดังกล่าว พร้อมให้ชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท (อ่านข่าว : ศาลตัดสินคดีเสือดำ สั่งจำคุก เปรมชัย 16 เดือน ไม่รอลงอาญา)

          เกี่ยวกับเรื่องนี้ (21 มีนาคม 2562) สปริงนิวส์ รายงานว่า ที่สมาคมนักข่าวและนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้มีการ เสวนา "1 ปี คดีเสือดำกับคำตัดสินที่รอคอย" มี นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร, นายวิเชียร ชิณวงศ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก กรมอุทยานแห่งชาติฯ และ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมเสวนาในครั้งนี้ด้วย

          โดย นายวิเชียร กล่าวตอนหนึ่งถึงผลการตัดสินคดี ว่า ตนเคารพในการตัดสินของศาลชั้นต้น แต่มองว่าจากพยานหลักฐาน นายเปรมชัยควรได้รับโทษมากกว่านี้ โดยเฉพาะการครอบครองซากสัตว์ป่า (เสือดำ) ที่ถูกยกฟ้องไป

          ทั้งนี้ ตนได้หารือกับอัยการและนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าชุดพญาเสือ ก็เห็นตรงกันว่าจะยื่นอุทธรณ์ในคดีต่อไป แต่ต้องรอศึกษารายละเอียดของสำนวนคดีฉบับเต็มที่ศาลชั้นต้นพิพากษาก่อน

          ด้าน นายโกศลวัฒน์ เผยว่า กระบวนการต่อจากนี้ ทางอัยการจะไปคัดลอกสำเนาคำพิพากษาฉบับเต็มมาศึกษาอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดูว่าศาลชั้นต้นได้รับฟังพยานหลักฐานอย่างไรบ้าง ก่อนจะพิจารณายื่นอุทธรณ์ต่อหรือไม่ ภายใน 30 วัน ซึ่งประเด็นที่จะยื่นอุทธรณ์ คือ หากศาลไม่ได้เห็นตามที่อัยการส่งฟ้องในข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่า และถ้าในคำพิพากษา ระบุว่า ร่วมสนับสนุน อัยการก็จะอุทธรณ์ในประเด็นนี้

          ขณะที่ นายศศิน กล่าวว่า ตนไม่โทษศาล เพราะศาลตัดสินไปตามพยานหลักฐานที่ได้มาจากทั้ง 2 ฝ่าย แม้คำพิพากษาจะระบุว่า นายเปรมชัย เป็นผู้สนับสนุนให้มีการล่าสัตว์ แต่ผู้รู้ทางกฎหมาย ระบุว่า ก็ยังไม่พ้นจากมาตราใน พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า คือยังถือว่าล่าสัตว์ป่า แต่เมื่อเทียบความผิดระหว่างการล่า กับสนับสนุนการล่า จึงทำให้นายเปรมชัย โทษน้อยกว่า นายธานี ที่เป็นนายพราน
           อย่างไรก็ตาม ตนมองว่า คำพิพากษาของศาลที่ จำคุกไม่รอลงอาญา นั้น หากไปเจอกันที่ศาลอุทธรณ์ โทษ 16 เดือนของนายเปรมชัยก็จะติดไปด้วย แต่ถ้าอัยการและ กรมอุทยานฯ ไม่มีหลักฐานเพิ่มเติม ผู้สันทัดกรณีทางกฎหมายมีความกังวลว่า โทษจำคุก 16 เดือน ของนายเปรมชัยจะค่อย ๆ ลดลง หรือไม่

          อีกทั้ง หากฝ่ายทีมกฎหมายของนายเปรมชัย เก่งมาก ๆ จนสามารถใส่ข้อมูลไปว่า นายเปรมชัยไม่เกี่ยว ทำความผิดครั้งแรก รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขาดเจตนา และอีกสารพัด ตนจึงเดาว่าโทษของนายเปรมชัย น่าจะอยู่ที่รอลงอาญา ซึ่งหากมองไปที่การรับโทษ นายเปรมชัยผิดแน่นอน แต่จะรอหรือไม่รอลงอาญา ก็ขึ้นอยู่กับศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา