นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากต่างประเทศที่มีชื่อเสียง มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ด้านดนตรีที่เก่งกาจ เป็นที่ยอมรับในวงการดนตรีโลก อาทิ โรเบิร์ต เอ็ม คาเนอร์กัน ผู้อำนวยการของวงซิมโฟนิค วินด์ อังซังเบลอ (Wind Ensemble) ของโรงเรียนสอนดนตรี Frost School of Music, ผู้กำกับเพลง, วาทยกรของวง Frost Wind Ensemble และศาสตราจารย์ด้านวาทยกรประจำมหาวิทยาลัยไมอามี นอกจากนี้ยังมี ดร.ไบรอัน ที. กิลป์ ศาสตราจารย์ด้านดนตรีเครื่องเป่า และสมาชิกวง Brass และ Woodwind Quintets ของมหาวิทยาลัยอินดิแอนา ในปี 1998 ร่วมเป็นกรรมการตัดสินด้วย
ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ทางวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้จัดการประกวดในครั้งนี้ร่วมกับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ อีกครั้ง ซึ่งในการจัดประกวดในปีที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับและประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งจากเยาวชนไทยและระดับนานาชาติ สะท้อนได้จากตัวเลขของทีมที่สมัครร่วมประกวดมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปีที่แล้วสมัครประกวดทั้งสิ้น 70 ทีม ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 83 ทีม ทำให้เห็นว่าอย่างน้อยสังคมเริ่มมีการตื่นตัวใช้กิจกรรมดนตรีเป็นกิจกรรมที่แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ นอกจากนี้การที่ไทยเป็นเจ้าบ้านในการจัดประกวดดนตรีระดับนานาชาติ จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยอีกด้วยครับ”
สำหรับการประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติ ประจำปี 2562 แบ่งเป็นรุ่น ดังนี้
1. รุ่น Class A จำนวน 10 วง
2. รุ่น Class B จำนวน 10 วง
3. รุ่น Class C จำนวน 16 วง
4. รุ่น Class D จำนวน 16 วง
โดยรอบรองชนะเลิศจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1-4 เมษายน 2562 และรอบชิงชนะเลิศจะทำการแข่งขันในวันที่ 6 เมษายน 2562 ณ มหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งขณะนี้น้อง ๆ จากโรงเรียนต่าง ๆ รวมไปถึงรุ่นไม่จำกัดอายุ ได้ฝึกซ้อมดนตรีกันอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะแชมป์เก่าจากปีที่แล้ว ที่เตรียมไม้เด็ดมาโชว์ของ ไม่มีใครยอมใครอย่างแน่นอน
การฝึกซ้อมอย่างหนัก การันตีถึงความพร้อมในกลับมาป้องกันแชมป์
นายภาณุวัตร พงษ์สะพัง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ประธานวงโยธวาทิต โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว เล่าว่า “ปีที่แล้วภูมิใจมากครับที่โรงเรียนได้แชมป์ แต่การเป็นแชมป์ว่ายากแล้ว การรักษาแชมป์ยากกว่า คู่แข่งทุกคนพัฒนาตัวเองขึ้นอยู่แล้วครับ ทุกคนก็อยากจะชนะการประกวดอยู่แล้ว ซึ่งเราจะต้องทำงานหนักมากกว่าเดิมหลาย ๆ เท่า เพื่อพัฒนาตัวเองให้มากขึ้นและกลับไปรักษาแชมป์ให้ได้ ซึ่งจะเน้นเรื่องตัวโน้ตตั้งแต่เสียงแรกจนเสียงสุดท้ายของบทเพลง เราต้องละเอียดทุกขั้นตอน ต้องไม่ผิดพลาด ซึ่งขณะนี้เริ่มเข้าค่ายเก็บตัวแล้วครับ ซ้อมหนัก ซ้อมจริงจัง เริ่มตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 4 ทุ่ม ทั้งนี้ ถ้าไม่มีคิง เพาเวอร์ เด็ก ๆ หลายคนในประเทศคงไม่มีเวทีระดับโลกแบบนี้เล่นครับ เป็นการส่งเสริมความสามารถของเด็กให้แสดงออกอย่างถูกวิธี ผมรู้สึกขอบคุณคิง เพาเวอร์ ที่มีโครงการดี ๆ แบบนี้ให้เด็ก ๆ อย่างพวกผมได้ทำตามฝันครับ”
ส่วนด้านทีม Zalymanian Wind Orchestra ผู้ชนะเลิศ Class A ประเภทไม่จำกัดอายุของปีที่แล้ว ก็ซุ่มฝึกซ้อมอย่างเข้มข้น แม้ทีมนี้จะมีความต่างด้านอายุ แต่ฝีมือดนตรีโดดเด่น พร้อมโชว์พลังบนเวทีแข่งขันที่กำลังจะมาถึง
นายอัตถสิทธิ์ วัฒนาวงศารัตน์ หัวหน้าวง Zalymanian Wind Orchestra เล่าว่า “สมาชิกในทีมมีทั้งหมด 60-70 คน อายุต่ำสุด 14 ปี และอายุมากสุดอยู่ที่ 44 ปี ซึ่งทุกคนในวงล้วนมีหัวใจที่รักดนตรีเหมือนกัน และมีความฝันเดียวกัน คือ การได้บรรเลงดนตรีที่ทุกคนชื่นชอบบนเวทีระดับโลก ทำให้เล่นดนตรีออกมาได้อย่างมีความสุข ซึ่งปีนี้ได้เตรียมไม้เด็ดมาสู้กับคู่แข่งขัน และยิ่งใกล้ถึงวันแข่งขันจริง ทีมก็นัดซ้อมกันบ่อยมากยิ่งขึ้นครับ สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณโครงการดี ๆ แบบนี้จากคิง เพาเวอร์ ที่เปิดโอกาสทางด้านดนตรีของไทยให้ไปไกลระดับโลก และอยากให้สนับสนุนด้านดนตรีเพิ่มเติมในอีกหลาย ๆ แขนงครับ”