อนาคตใหม่ หนุนพรรคที่มี ส.ส. มากที่สุดจัดตั้งรัฐบาล-จี้ กกต. เปิดคะแนนเลือกตั้ง

          อนาคตใหม่ สนับสนุนพรรคที่มี ส.ส. มากที่สุดให้จัดตั้งรัฐบาล ไม่เสนอชื่อ ธนาธร เป็นนายกฯ ยืนยันวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ถูกต้อง พร้อมแถลงจุดยืนในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล 
 
1. หลักการการจัดตั้งรัฐบาล

          ธนาธร พร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่พรรคอนาคตใหม่จะไม่เสนอชื่อธนาธรเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเราต้องการยืนยันวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ถูกต้อง พรรคอนาคตใหม่จะไม่เสนอชื่อธนาธร เพราะเราเชื่อว่าวินาทีนี้สังคมไทยต้องการยึดหลักการที่ถูกต้อง เพราะเราไม่เห็นว่าประเด็นนี้จะเป็นประเด็นต่อรองทางการเมือง เราจะไม่เอาเรื่องนี้นำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ พรรคอนาคตใหม่เชื่อว่า พรรคอันดับ 1 จะต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากพรรคที่ได้ ส.ส. เป็นอันดับ 1 นี่คือการยืนยันในหลักการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง

2. ข้อเสนอในการปิดสวิตช์ ส.ว.

          พรรคที่นำเสนอ พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ หรือพรรคที่สืบทอดอำนาจมี 3 พรรค คือ พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย และพรรคประชาชนปฏิรูป ถึงตอนนี้น่าจะมีที่นั่ง 116 ที่นั่ง รวมพลังประชาชาติไทย 5 ที่นั่ง ประชาชนปฏิรูป 0 หรือ 1 ที่นั่ง ดังนั้น ถ้าเรารวมพรรคที่สืบทอดอำนาจ เราจะได้คะแนนที่นั่ง 122 ที่นั่ง เงื่อนไขของการปิดสวิตช์ ส.ว. อยู่ที่การมี ส.ส. ของพรรคน้อยกว่า 124 ที่นั่ง

          ดังนั้น เงื่อนไขวันนี้ยังเป็นไปได้ ขอเชิญชวนพรรคการเมือง นักการเมืองทุกคน ที่ยืนยันในหลักการประชาธิปไตย ที่เชื่อว่า ส.ส. คือตัวแทนของประชาชน เรามาจากประชาชนต้องฟังเสียงประชาชน ขอเชิญชวนนักการเมืองทุกคนที่ไม่ได้อยู่ในค่ายสืบทอดอำนาจ ที่ไม่ได้อยู่ในพรรคการเมืองที่เสนอชื่อ พล.อ. ประยุทธ์ มาร่วมกันรับรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคที่รวบรวมเสียงข้างมากได้ ขอวิงวอนภาคประชาสังคม พี่น้องประชาชน สื่อมวลชน มาร่วมกันเรียกร้อง มาร่วมกันกดดัน ให้ ส.ส. พรรคการเมืองทุกพรรคที่ยืนยันเรื่องเจตจำนงของประชาชน ปิดสวิตช์ ส.ว. ที่สภาร่าง ยังเป็นไปได้ ณ วันนี้ นี่เป็นวิธีที่สันติที่สุด ที่จะทำให้การเมืองหลังการเลือกตั้งไม่วุ่นวาย ถ้าเราเปิดสวิตช์ ถ้าเราปล่อยให้ ส.ว. มีบทบาทเลือกนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยอาจจะเดินทางไปสู่ความขัดแย้งวุ่นวายได้

3. เงื่อนไข MOU ในการร่วมรัฐบาล

          นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้แถลงต่อว่า การร่วมรัฐบาลจะต้องมีข้อตกลงร่วมกัน แต่ละพรรคจะต้องเสนอว่าถ้าเราจะไปร่วมเรามีเงื่อนไขอะไรบ้าง การร่วมรัฐบาลไม่ควรเกิดจากการแลกต่อรองผลประโยชน์เพื่อตำแหน่งรัฐมนตรีตำแหน่งใหญ่ ๆ เท่านั้น แต่ควรจะต้องมีหลักการว่าเราร่วมเพื่อจะทำอะไร เราวางเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลไว้ 3 ข้อ

           - การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อเพิ่มเติมบทบัญญัติหมวดใหม่ ว่าด้วยการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยให้มีการเลือกตั้งสภารัฐธรรมนูญโดยมาจากประชาชน แล้วให้สภารัฐธรรมนูญชุดนี้เป็นคนจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ แล้วไปจบที่การออกเสียงประชามติ ถ้าหากประชาชนเห็นด้วยเราจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่แทนที่ฉบับเดิมทันที ตัวอย่างจากรัฐธรรมนูญ 2534 กลายเป็นรัฐธรรมฉบับประชาชน 2540 เราจะรื้อฟื้นกลับมาใหม่

          - เราต้องเข้าไปจัดการมรดกบาปของ คสช. ไม่ว่าจะเป็นประกาศคำสั่ง คสช. แผนปฏิรูป แผนยุทธศาสตร์ ในขั้นต้นนี้เราเสนอวิธีการที่ง่าย เป็นไปได้มากที่สุด คือ ปลดมาตรา 279 ของรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 เป็นมาตราที่ให้การคุ้มกันรับรองให้การใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และในอนาคตต่อไปชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ชอบด้วยกฎหมายตลอดกาล ถ้าเราไม่ปลดล็อกเรื่องนี้ไม่มีทางที่เราจะจัดการมรดกบาปได้

          - เราจำเป็นต้องปฏิรูปกองทัพให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย ถ้ากองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน ถ้ารัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งอยู่เหนือกองทัพ ถ้ากองทัพมีตำแหน่งแห่งที่ที่สอดคล้องกับประชาธิปไตย การรัฐประหารโดยกองทัพจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย  

4. ข้อเรียกร้องของอนาคตใหม่ต่อ กกต.

          ตอนนี้พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ทุกคนตั้งคำถามเรียกร้อง กกต. ว่าตกลงแล้วการนับคะแนนไปถึงไหนแล้ว พรรคอนาคตใหม่ขอเรียกร้องให้ กกต. เปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะทั้งหมด ข้อมูลในเรื่องผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง คะแนนโหวตที่ได้ จำนวนบัตรที่พิมพ์ จำนวนบัตรที่ใช้ลงคะแนน ทั้งหมดนี้ขอให้เปิดเผยเรียงหน่วยเลือกตั้งเลย แต่ละหน่วยต้องเอาตัวเลขนี้ออกมาให้ดู เราพร้อมจะเข้าไปดู เพียงแต่ว่าอยู่ที่ว่า กกต. พร้อมจะเปิดไหม ข้อมูลข่าวสารของทางราชการที่เป็นข้อยกเว้น ต้องเป็นเรื่องเฉพาะความมั่นคง กรณีนี้ไม่ได้เกี่ยวกับความมั่นคง ตรงกันข้ามเป็นการแสดงความโปร่งใสให้ประชาชนได้เห็นการทำงานของ กกต.

          ถ้า กกต. มั่นใจว่าตัวเองจัดการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปิดข้อมูล ขอเรียกร้องให้เปิดข้อมูลทุกหน่วยเลือกตั้ง พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปที่ กกต. เพื่อยื่นหนังสือให้เปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ ในส่วนของข้อสงสัยต่าง ๆ ณ เวลานี้ มีคนร้องเรียนมาที่พรรคมีหลายเขตมากที่มีปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่กรุงเทพฯ เราสำรวจดูแล้วมี 11 เขต ที่ผู้ชนะไปเพียงแค่หลักร้อย หลักพัน ซึ่งคะแนนช่วงนี้เป็นคะแนนที่ไม่มาก และเราสงสัยว่าการนับคะแนนมีความผิดพลาดบกพร่องหรือไม่ เราจะยื่นเรื่องไปที่ กกต. ว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะนับคะแนนใหม่