บรูไนประกาศใช้กฎหมายโหด กลุ่มรักร่วมเพศ มีโทษถึงชีวิต ให้เฆี่ยนตี-ปาหินใส่จนตาย มีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เมษายน นี้ ด้านแอมเนสตี้ออกประณามเดือด

สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ สุลต่านแห่งบรูไน
ภาพจาก EMMANUEL DUNAND / AFP
รายงานระบุว่า ปัจจุบันตามกฎหมายของบรูไน การแต่งงานร่วมเพศเดียวกันถือเป็นความผิด มีโทษจำคุกระยะยาว แต่ได้มีการพิจารณาเพิ่มโทษสถานหนัก เนื่องจากบรูไนอยู่ในช่วงการนำกฎหมายชะรีอะฮ์ หรือกฎหมายอิสลาม ซึ่งเป็นกฎหมายทางศีลธรรมของศาสนาอิสลาม ใช้ควบคุมความประพฤติคน รูปแบบการปกครอง สังคม และการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มาบังคับใช้ในประเทศ
โดยการกระทำที่นับว่าเป็นความผิดร้ายแรง ได้แก่ การลักทรัพย์
ปล้นทรัพย์ มีเพศสัมพันธ์นอกสมรส และการดื่มแอลกอฮอล์
สำหรับกฎหมายดังกล่าวนี้ นอกจากชาวรักร่วมเพศจะได้รับโทษถึงชีวิตแล้ว
ผู้ที่กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ หรือคบชู้ จะมีโทษถูกตัดแขนตัดขา
ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก หรือเยาวชน
จากเหตุดังกล่าว เกิดเป็นประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางไปทั่วโลก ด้านแอมเนสตี้ กลุ่มรณรงค์ ปกป้อง และส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ออกมาประณามกฎหมายดังกล่าวว่า เป็นความโหดร้ายโหดเหี้ยม
ราเชล ชะฮอ-โฮวาร์ด นักวิจัยชาวบรูไน ประจำองค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า การรักเพศเดียวกันไม่สมควรถูกพิจารณาว่าเป็นอาชญากรรม พร้อมทั้งได้เรียกร้องให้ทางผู้นำประเทศยุติข้อกฎหมายดังกล่าว
ปีเตอร์ แทตเชล นักส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เผยว่า การกระทำดังกล่าวทำให้ประเทศบรูไนก้าวถอยหลัง ทำลายชื่อเสียงของประเทศ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวและการค้าการลงทุนจะลดลง และคาดว่าบรูไนจะได้รับความกดดันจากนานาประเทศ ให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายดังกล่าวนี้
สำหรับประเทศบรูไน เริ่มมีการเข้มงวดกับเรื่องรักร่วมเพศตั้งแต่ปี 2557 ตอนที่เริ่มนำกฎหมายอิสลามเข้ามาใช้ มีการออกกฎที่เข้มงวด เช่น ปรับและขังคุกผู้ที่ทำผิด ท้องนอกสมรส หรือผู้ที่ไม่ยอมไปละหมาดวันศุกร์ เฆี่ยนตีผู้ดื่มแอลกอฮอล์ ลงโทษผู้มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ โดยในขณะนั้น สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ สุลต่านแห่งบรูไน และนายกรัฐมนตรี เผยว่า "กฎหมายดังกล่าวนี้ เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ และการบังคับใช้ก็ไม่ใช่เพราะความสนุก แต่เป็นคำสั่งของพระอัลเลาะห์ ที่บัญญัติไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน"

สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ สุลต่านแห่งบรูไน
ภาพจาก EMMANUEL DUNAND / AFP
วันที่ 27 มีนาคม 2562 เว็บไซต์อินดิเพนเดนท์ รายงานว่า ประเทศบรูไนออกประกาศใช้กฎหมายใหม่ ให้ชาวรักร่วมเพศ (LGBTQ)
ได้รับโทษถึงชีวิต คู่รักที่เป็นเพศเดียวกันจะถูกเฆี่ยนตี และปาหินใส่
จนถึงแก่ความตาย โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เมษายน 2562
รายงานระบุว่า ปัจจุบันตามกฎหมายของบรูไน การแต่งงานร่วมเพศเดียวกันถือเป็นความผิด มีโทษจำคุกระยะยาว แต่ได้มีการพิจารณาเพิ่มโทษสถานหนัก เนื่องจากบรูไนอยู่ในช่วงการนำกฎหมายชะรีอะฮ์ หรือกฎหมายอิสลาม ซึ่งเป็นกฎหมายทางศีลธรรมของศาสนาอิสลาม ใช้ควบคุมความประพฤติคน รูปแบบการปกครอง สังคม และการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มาบังคับใช้ในประเทศ
จากเหตุดังกล่าว เกิดเป็นประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางไปทั่วโลก ด้านแอมเนสตี้ กลุ่มรณรงค์ ปกป้อง และส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ออกมาประณามกฎหมายดังกล่าวว่า เป็นความโหดร้ายโหดเหี้ยม
ราเชล ชะฮอ-โฮวาร์ด นักวิจัยชาวบรูไน ประจำองค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า การรักเพศเดียวกันไม่สมควรถูกพิจารณาว่าเป็นอาชญากรรม พร้อมทั้งได้เรียกร้องให้ทางผู้นำประเทศยุติข้อกฎหมายดังกล่าว
ปีเตอร์ แทตเชล นักส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เผยว่า การกระทำดังกล่าวทำให้ประเทศบรูไนก้าวถอยหลัง ทำลายชื่อเสียงของประเทศ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวและการค้าการลงทุนจะลดลง และคาดว่าบรูไนจะได้รับความกดดันจากนานาประเทศ ให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายดังกล่าวนี้
สำหรับประเทศบรูไน เริ่มมีการเข้มงวดกับเรื่องรักร่วมเพศตั้งแต่ปี 2557 ตอนที่เริ่มนำกฎหมายอิสลามเข้ามาใช้ มีการออกกฎที่เข้มงวด เช่น ปรับและขังคุกผู้ที่ทำผิด ท้องนอกสมรส หรือผู้ที่ไม่ยอมไปละหมาดวันศุกร์ เฆี่ยนตีผู้ดื่มแอลกอฮอล์ ลงโทษผู้มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ โดยในขณะนั้น สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ สุลต่านแห่งบรูไน และนายกรัฐมนตรี เผยว่า "กฎหมายดังกล่าวนี้ เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ และการบังคับใช้ก็ไม่ใช่เพราะความสนุก แต่เป็นคำสั่งของพระอัลเลาะห์ ที่บัญญัติไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน"