ยังโอม แจงปมโพสต์ Catch me if u can เหตุดราม่า โจ้ สปอตไลท์ ไลฟ์เคลียร์ เผยคุยกับยังโอม ขอโทษกันแล้ว พร้อมให้คำแนะนำในฐานะผู้ใหญ่
จากกรณีที่ โจ้ สปอตไลท์ สื่อท้องถิ่นใน จ.ภูเก็ต ออกมาแฉพฤติกรรมของออร์แกไนซ์คอนเสิร์ตงานหนึ่ง ก่อนจะพบข้อความจากแรปเปอร์ชื่อดัง ยังโอม ที่โพสต์ว่า "catch me if you can" ทำให้ทาง โจ้ สปอตไลท์ ของขึ้น ออกมาแฉถึงพฤติกรรมของแรปเปอร์ดังว่ามีการเสพยา จนมีหลายคนจับตาถึงเรื่องนี้ กระทั่งผู้จัดการของยังโอมได้ออกมาเผยผลการตรวจปัสสาวะยังโอมว่า ไม่พบสารเสพติด
ต่อมา วันที่ 31 มีนาคม 2562 ยังโอม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ชี้แจงถึงประเด็นการโพสต์ข้อความดังกล่าวว่า ""Catch me if u can" ผมโพสต์ในไอจีผมตอนเช้าหลังจากเขาตามล่าผมแล้ว ไม่ใช่ก่อนนะครับ ขอแก้ข่าว เช็กเวลาในอินสตาแกรมได้เลย และผมไม่เคยไปโพสต์คำนี้ในเพจพี่โจ้หรืออะไรเลย มีแค่ในไอจีรูปเดียวเท่านั้น ข่าวจากทีวียังผิดพลาดเลยครับ นับอะไรกับโพสต์ในเฟซ เชื่อถือได้หรือไม่ฝากใช้วิจารณญาณกันด้วยนะคร้าบ"
จากนั้น ยังโอม ยังได้โพสต์ถึงประเด็นที่มีบางคนว่าถึงแฟนเพลงตนเองว่าเป็นตลาดล่าง บอกว่า "สำหรับผมไม่มีคำว่าตลาดล่างครับ คุณจะเป็นใคร เชื้อชาติอะไร ทำงานอะไร อายุเท่าไหร่ ก็ฟังเพลงผมได้ทั้งนั้น เพลงผมมีไว้สำหรับทุกคน ผมทำมาให้ทุกคนฟัง จะรวยจะจนก็ฟังได้หมด ผมก็เคยจนมาก่อนครับ ผมถึงเข้าใจ ทุกคนคือมนุษย์เหมือนกันทั้งนั้น อย่าแบ่งแยกกันเลยครับ ผมขอร้อง" ก่อนที่เจ้าตัวจะโพสต์เฟซบุ๊กอีกว่า "คอมเมนต์ให้เกียรติพี่โจ้ด้วยนะครับผม"
กระทั่งล่าสุด (1 เมษายน 2562) ยังโอม ได้แชร์ข้อความจากเพจหนึ่ง ที่เผยว่า โจ้ สปอตไลท์ ได้ไลฟ์ประกาศให้อภัย อย่าว่าโอม เป็นการจบประเด็นเรื่องนี้แล้ว พร้อมข้อความ "ขอบคุณครับ"
ทั้งนี้ เมื่อไปดูที่เฟซบุ๊ก Spotlight Thailand โจ้ สปอตไลท์ ได้มีการไลฟ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยพูดถึงยังโอมว่า ได้โทร. มาคุยกับตนแล้ว เห็นดูถ่อย ๆ เถื่อน ๆ เป็นคนแข็ง ๆ กวน ๆ แต่ที่คุยกัน เรียกตนด้วยความเคารพ และพูดจาดีมาก ครับ ๆ เตือนอะไรฟังหมด เรื่องมันจบแล้ว หากเขาถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ก็ว่ากันไป หากอีกฝ่ายจะดำเนินคดีกับตน ก็ว่ากันไป ตนไม่แคร์ ไม่สนด้วย เพราะยืนยันว่าตนทำในสิ่งที่ถูกต้อง ส่วนใครมากล่าวหาตน ตนก็ฟ้องร้องดำเนินคดีเช่นกัน
โดยตนได้คุยกับยังโอมแล้วจริง โอมเป็นคนมีสัมมาคารวะ ตนไม่ได้คุยหยาบคายกับน้อง ไม่ได้มีทะเลาะกัน ก่อนหน้านั้นผู้จัดการของยังโอมก็โทร. มา ตนก็บอกไปว่าน้องผิดอย่างนี้ ในมุมพี่ อีกฝ่ายก็บอกว่า "ขอโทษค่ะ" แล้วให้เหตุผล ก็เข้าใจได้ หลังจากนั้นยังโอมก็โทร. มา ก็คุยกัน โอมก็ขอโทษ ในส่วนตัวตนก็ขอโทษเด็กเหมือนกัน ในมุมพี่ เหมือนเราเป็นผู้ใหญ่แล้วด่ามันหนัก เราก็ขอโทษ เด็กมันก็ขอโทษ ตนก็ให้คำแนะนำน้องมันไป สิ่งที่ยอมรับน้องมันอยู่เรื่องหนึ่ง ในเรื่องการต่อสู้ดิ้นรน ช่วยเหลือพ่อแม่ ที่น้องเขาเล่าให้ฟัง เขาถีบตัวเองจากไม่มีอะไร อันนี้ไม่ได้มาอวย ฟังแล้วก็ชื่นชม พ่อแม่ไม่เห็นด้วยกับอาชีพนี้ จนวันนี้มีรายได้ให้พ่อแม่ได้ชื่นใจ เขาก็ภูมิใจในตัวลูกเขา ใครมองเห็นโอมหรือตนอาจจะถ่อย แต่ทุกคนไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของตนกับเด็กคนนี้หรอก
ยืนยันว่าเข้าใจกันดีแล้ว หลังจากนั้นก็ให้คำแนะนำเขาในฐานะผู้ใหญ่ อีกฝ่ายก็ "ครับ ๆ ผมจะทำตาม" ผู้จัดการก็โทร. มาบอกขอบคุณมากที่อธิบายให้คนเข้าใจโอม ก็ได้บอกเขาและผู้จัดการว่า เหตุการณ์ครั้งนี้มันจะสอนให้ทุกคนโตเป็นผู้ใหญ่
ขอสรุปว่า คนที่มีปัญหาที่สุด คือบริษัทที่จัดงาน ที่มาก่อเรื่องในพื้นที่ พอมีเรื่องมาอ้างว่าตัวเองไม่เกี่ยว ร้านก็ซวยไปด้วย โดนแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว ผิดร่วม 3 คดี บริษัทก็ส่งพนักงานคนหนึ่งมา โดยที่พนักงานไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วต้องไปพิมพ์ลายนิ้วมือ ประกันตัวเองในฐานะผู้ต้องหา
ติดตามไลฟ์ของ โจ้ สปอตไลท์ เกี่ยวกับเรื่องนี้แบบเต็ม ๆ ได้ที่เฟซบุ๊ก Spotlight Thailand
