ผู้อำนวยการเขตดินแดง เผยสั่งระงับรื้อถอนแฟลตดินแดงก่อนถล่ม หลังพบดำเนินการผิดวิธี แต่กลับมีการฝ่าฝืนแอบดำเนินการรื้อต่อ
คืบหน้าเหตุการณ์แฟลตดินแดงที่อยู่ระหว่างการรื้อถอนทรุดตัว ก่อนล้มทับสายไฟฟ้า รถแท็กซี่ จำนวน 5 คัน และรถยนต์ส่วนบุคคล จำนวน 2 คัน ได้รับความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : ระทึก ! แฟลตดินแดงถล่ม ทับรถพังเสียหาย 7 คัน-บาดเจ็บ 1 ราย)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในวันเดียวกัน (2 เมษายน 2562) จส.100 รายงานว่า นางสาวปัญชพัฒน์ หลักดี ผู้อำนวยการเขตดินแดง เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า แฟลตที่ 19 (แฟลตดินแดง) ที่ถล่ม อยู่ในความดูแลของการเคหะแห่งชาติ ที่มีการยื่นขอรื้อถอนกับสำนักการโยธา กทม. เพื่อก่อสร้างใหม่ โดยดำเนินการมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 จนเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 สำนักงานเขตดินแดงได้สั่งให้ระงับการรื้อถอน เนื่องจากพบว่ามีการรื้อถอนไม่ถูกหลัก ทำให้อาจมีโอกาสพังถล่ม แต่กลับพบว่ายังมีการแอบมารื้อถอน ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ขณะที่ รศ.เอนก ศิริพานิชกร ประธานสาขาวิศวกรรมโยธา สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เปิดเผยว่า การรื้อถอนอาคารดังกล่าวผิดหลักการทำให้พังลงมาไม่เป็นท่า ก่อนหน้านี้เคยพบว่ามีหลายครั้งที่เป็นแบบนี้ เหมือนจงใจประหยัดเวลารื้อถอน แทนที่จะไล่ลงมาจากข้างบน แต่กลับใช้รถแบ็กโฮกระแทกเสาด้านล่างเพื่อให้ด้านบนพังลงมา ซึ่งเป็นการกระทำที่อันตรายมาก ทั้งผู้ปฏิบัติงานและคนละแวกนั้น
![แฟลตดินแดงถล่ม]( "แฟลตดินแดงถล่ม")
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก จส.100, จส.100
คืบหน้าเหตุการณ์แฟลตดินแดงที่อยู่ระหว่างการรื้อถอนทรุดตัว ก่อนล้มทับสายไฟฟ้า รถแท็กซี่ จำนวน 5 คัน และรถยนต์ส่วนบุคคล จำนวน 2 คัน ได้รับความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : ระทึก ! แฟลตดินแดงถล่ม ทับรถพังเสียหาย 7 คัน-บาดเจ็บ 1 ราย)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในวันเดียวกัน (2 เมษายน 2562) จส.100 รายงานว่า นางสาวปัญชพัฒน์ หลักดี ผู้อำนวยการเขตดินแดง เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า แฟลตที่ 19 (แฟลตดินแดง) ที่ถล่ม อยู่ในความดูแลของการเคหะแห่งชาติ ที่มีการยื่นขอรื้อถอนกับสำนักการโยธา กทม. เพื่อก่อสร้างใหม่ โดยดำเนินการมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 จนเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 สำนักงานเขตดินแดงได้สั่งให้ระงับการรื้อถอน เนื่องจากพบว่ามีการรื้อถอนไม่ถูกหลัก ทำให้อาจมีโอกาสพังถล่ม แต่กลับพบว่ายังมีการแอบมารื้อถอน ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ขณะที่ รศ.เอนก ศิริพานิชกร ประธานสาขาวิศวกรรมโยธา สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เปิดเผยว่า การรื้อถอนอาคารดังกล่าวผิดหลักการทำให้พังลงมาไม่เป็นท่า ก่อนหน้านี้เคยพบว่ามีหลายครั้งที่เป็นแบบนี้ เหมือนจงใจประหยัดเวลารื้อถอน แทนที่จะไล่ลงมาจากข้างบน แต่กลับใช้รถแบ็กโฮกระแทกเสาด้านล่างเพื่อให้ด้านบนพังลงมา ซึ่งเป็นการกระทำที่อันตรายมาก ทั้งผู้ปฏิบัติงานและคนละแวกนั้น
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าอาคารดังกล่าวเป็นอาคารเก่า มีความแข็งแรง พื้นหนามาก คาดว่าพื้นที่ 1 ตารางเมตร ต่อน้ำหนัก 600 กิโลกรัม ควรใช้วิธีรื้อถอนจากบนลงล่างเท่านั้น ซึ่งทราบว่าทางสำนักงานเขตดินแดงได้มาตรวจและระงับไปแล้ว แต่ยังมีการฝ่าฝืนทำต่อ โดยขั้นตอนต่อไปจะมีการสอบสวน และหากพบว่ามีความจงใจประมาทจริง อาจมีโทษทางอาญาถึงขั้นจำคุก หรืออาจถึงขั้นเพิกถอนวิชาชีพวิศวกร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก จส.100, จส.100
