สะเทือนสังคม เด็กวัย 14 ถูกแก๊ง นร. หญิง 12 คนรุมยำ-ล่วงละเมิดทางเพศ แค่เพราะผิดใจกันบนโลกออนไลน์ ชาวเน็ตเกรี้ยวกราดหลังคนทำผิดยังไม่สำนึก แถมท่าทีตำรวจชวนกังขาใจ
รายงานเผยว่า เหตุการณ์ทำร้ายดังกล่าวมีจุดเริ่มต้น เมื่อญาติของเหยื่อที่เคยคบหากับหนึ่งในผู้ก่อเหตุ ได้เลิกรากับอีกฝ่าย จากนั้นเด็กหญิงวัย 14 ปี ก็ได้คอมเมนต์โต้ตอบกับกลุ่มผู้ก่อเหตุในเฟซบุ๊ก จนสร้างความไม่พอใจให้อีกฝ่าย ดังนั้นคู่กรณีจึงได้รวบรวมพรรคพวกอีก 11 คน บุกมาหาเหยื่อถึงบ้าน ในวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา อ้างว่าจะมาพูดคุยเคลียร์ปัญหากัน
แต่ทั้ง 12 คน
กลับพาเหยื่อไปยังสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
ก่อนจะเริ่มทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ โดยมีตัวการหลักในการก่อเหตุ 3 คน
ส่วนอีก 9 คน คอยเป็นผู้ช่วยสนับสนุน
พวกเธอทั้งรุมกระทืบหัวเหยื่อบนพื้นยางมะตอย เตะอัดท้องหลายครั้ง บีบคอ
สาดน้ำใส่ และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือผู้ก่อเหตุคนหนึ่งได้ใช้กำลังสอดใส่นิ้วเข้าไปในอวัยวะเพศของเหยื่อ ตั้งใจทำลายพรหมจรรย์ของเด็กวัย 14
ปี
แม้จะถูกทำร้ายจนบอบช้ำทั้งกายใจ แต่กว่าเรื่องทั้งหมดจะรู้ถึงหูตำรวจก็เป็นเวลา 1 สัปดาห์ต่อมา เนื่องจากผู้ก่อเหตุยังคงคุกคามเหยื่อไม่หยุด เด็กวัย 14 ปี จึงตัดสินใจบอกเรื่องทั้งหมดให้แม่ของเธอรู้ และแม่ของเธอก็ได้แจ้งความ พร้อมพาลูกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยพบว่าเด็กได้รับบาดเจ็บหนัก ขณะนี้ยังต้องรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU ของโรงพยาบาลเอกชน ในเมืองปนตีอานัก จังหวัดกาลีมันตันตะวันตก ของอินโดนีเซีย
ยิ่งไปกว่านั้น
ปรากฏว่ายังมีคลิปของผู้ต้องหาที่บันทึกภาพขณะอยู่ในโรงพัก
เผยให้เห็นว่าพวกเธอยังคงยิ้มแย้มร่าเริง ไม่มีท่าทีสลดหรือสำนึกผิดใด ๆ
หนึ่งในนั้นยังบอกว่าตัวเองรู้สึกชิล ๆ กับเรื่องนี้
ทำให้ชาวเน็ตคาดว่าเด็กเหล่านี้น่าจะเป็นลูกหลานคนมีเงิน
ที่มีสายสัมพันธ์บางอย่างกับตำรวจอย่างแน่นอน
เมื่อตำรวจไม่อาจทำให้เชื่อได้ว่าจะนำความยุติธรรมมาสู่เหยื่อ ผู้คนมากมายจึงเริ่มผุดแฮชแท็กบนทวิตเตอร์ เพื่อออกมาสนับสนุนเหยื่อ และมีการลงชื่อยื่นคำร้องออนไลน์กว่า 3 ล้านรายชื่อ เพื่อเรียกร้องให้ทางการมอบความเป็นธรรมแก่เด็กวัย 14 ปีที่ถูกกระทำ
นอกจากนี้บางคนยังลั่นวาจาว่าจะขอทำให้ผู้ก่อเหตุได้รับความอับอาย ลากออกมาลงทัณฑ์ด้วยตัวเอง เพราะพวกเขาไม่วางใจในระบบยุติธรรมอีกแล้ว โดยขณะเดียวกันก็มีผู้คนบางส่วนพยายามออกมาดึงสติ ไม่ให้คนที่โกรธแค้นทำอะไรเกินเลยจนล้ำเส้นกฎหมายและความเหมาะสม
ทางด้าน อีก้า นูร์ฮายาตี อิสฮัก หัวหน้าคณะกรรมาธิการคุ้มครองเด็ก ในจังหวัดกาลีมันตันตะวันตก ได้กล่าวกับนักข่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทางคณะกรรมาธิการเห็นว่าคดีนี้ไม่ควรจบลงเพียงการไกล่เกลี่ยระหว่างครอบครัวของเหยื่อกับผู้ก่อเหตุเท่านั้น คนทำผิดก็คือทำผิด จำเป็นต้องนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @eizatia
วันที่ 10 เมษายน 2562 เว็บไซต์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่า เกิดกระแสความโกรธแค้นขึ้นในสังคมชาวอินโดนีเซีย
ต่อกรณีของเด็กนักเรียนหญิงวัย 14 ปี ที่ตกเป็นเหยื่อถูกเด็กนักเรียนหญิง
12 คน รุมทำร้ายอย่างทารุณและล่วงละเมิดทางเพศ แถมดูเหมือนว่าตัวการหลัก 3
ใน 12 คน จะยังคงไม่สำนึกผิดในสิ่งที่ทำไปแม้แต่น้อย
แถมท่าทีของตำรวจผู้รับผิดชอบคดีนี้ก็ยังชวนให้กังขาใจ
ว่าพวกเขาตั้งใจจะนำความเป็นธรรมมาสู่เหยื่อหรือไม่
รายงานเผยว่า เหตุการณ์ทำร้ายดังกล่าวมีจุดเริ่มต้น เมื่อญาติของเหยื่อที่เคยคบหากับหนึ่งในผู้ก่อเหตุ ได้เลิกรากับอีกฝ่าย จากนั้นเด็กหญิงวัย 14 ปี ก็ได้คอมเมนต์โต้ตอบกับกลุ่มผู้ก่อเหตุในเฟซบุ๊ก จนสร้างความไม่พอใจให้อีกฝ่าย ดังนั้นคู่กรณีจึงได้รวบรวมพรรคพวกอีก 11 คน บุกมาหาเหยื่อถึงบ้าน ในวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา อ้างว่าจะมาพูดคุยเคลียร์ปัญหากัน
แม้จะถูกทำร้ายจนบอบช้ำทั้งกายใจ แต่กว่าเรื่องทั้งหมดจะรู้ถึงหูตำรวจก็เป็นเวลา 1 สัปดาห์ต่อมา เนื่องจากผู้ก่อเหตุยังคงคุกคามเหยื่อไม่หยุด เด็กวัย 14 ปี จึงตัดสินใจบอกเรื่องทั้งหมดให้แม่ของเธอรู้ และแม่ของเธอก็ได้แจ้งความ พร้อมพาลูกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยพบว่าเด็กได้รับบาดเจ็บหนัก ขณะนี้ยังต้องรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU ของโรงพยาบาลเอกชน ในเมืองปนตีอานัก จังหวัดกาลีมันตันตะวันตก ของอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตาม
คดีของเด็กวัย 14 ปี เริ่มกลายมาเป็นกระแสเกรี้ยวกราดแก่คนในสังคม
โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์ เมื่อผู้คนเริ่มกังขาใจว่าตำรวจเจ้าของคดี
มีกระบวนการทำงานที่ชวนสงสัย
พวกเขาพยายามขอให้เหยื่อเจรจาไกล่เกลี่ยกับผู้ก่อเหตุ
แทนที่จะดำเนินคดีต่อผู้ก่อเหตุที่ยังเป็นผู้เยาว์
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @eizatia
เมื่อตำรวจไม่อาจทำให้เชื่อได้ว่าจะนำความยุติธรรมมาสู่เหยื่อ ผู้คนมากมายจึงเริ่มผุดแฮชแท็กบนทวิตเตอร์ เพื่อออกมาสนับสนุนเหยื่อ และมีการลงชื่อยื่นคำร้องออนไลน์กว่า 3 ล้านรายชื่อ เพื่อเรียกร้องให้ทางการมอบความเป็นธรรมแก่เด็กวัย 14 ปีที่ถูกกระทำ
นอกจากนี้บางคนยังลั่นวาจาว่าจะขอทำให้ผู้ก่อเหตุได้รับความอับอาย ลากออกมาลงทัณฑ์ด้วยตัวเอง เพราะพวกเขาไม่วางใจในระบบยุติธรรมอีกแล้ว โดยขณะเดียวกันก็มีผู้คนบางส่วนพยายามออกมาดึงสติ ไม่ให้คนที่โกรธแค้นทำอะไรเกินเลยจนล้ำเส้นกฎหมายและความเหมาะสม
ทางด้าน อีก้า นูร์ฮายาตี อิสฮัก หัวหน้าคณะกรรมาธิการคุ้มครองเด็ก ในจังหวัดกาลีมันตันตะวันตก ได้กล่าวกับนักข่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทางคณะกรรมาธิการเห็นว่าคดีนี้ไม่ควรจบลงเพียงการไกล่เกลี่ยระหว่างครอบครัวของเหยื่อกับผู้ก่อเหตุเท่านั้น คนทำผิดก็คือทำผิด จำเป็นต้องนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย
"เราได้ยินจากเหยื่อว่าตำรวจแนะนำให้เธอมาพบผู้ก่อเหตุที่โรงพักเพื่อไกล่เกลี่ย
แต่ตอนนี้เรามาอยู่ตรงนี้เพื่อช่วยเหลือเหยื่อ
เพราะเราไม่คิดว่าคดีนี้ควรจะดำเนินไปในทิศทางนั้น
ผู้ที่ทำผิดจะต้องได้รับกระบวนการบางอย่างเพื่อป้องกันและยับยั้งไม่ให้พวกเธอก่อเหตุซ้ำอีก" อีก้า นูร์ฮายาตี อิสฮัก กล่าว